Welcoem to posts!!
in the future - u will be able to do some more stuff here,,,!! like pat catgirl- i mean um yeah... for now u can only see others's posts :c
🧘🪷ตัดโทสะ🪷
สำหรับวันนี้ก็จะขอปรารภเรื่องโทสะ ทุกเที่ยวเราก็พูดเรื่องพระโสดาบัน และก็ไปลงท้ายในอารมณ์ของพระอรหันต์ ที่ลงท้ายด้วยอารมณ์ของพระอรหันต์ก็หมายความว่า ทุกคนเวลาจะเริ่มภาวนาขอให้ญาติโยมพุทธบริษัทตัดสินใจเลยว่า ถ้าหากว่าขันธ์ ๕ หรือว่าร่างกายนี้ตายไปเมื่อไร เราไม่ต้องการความเป็นมนุษย์เป็นเทวดาหรือเป็นพรหม เราต้องการอย่างเดียวคือนิพพาน อย่างนี้อารมณ์ของพระอรหันต์นะ คือให้ขึ้นต้นแล้วก็ลงท้ายไป เลย
ในขณะที่เรายังไม่ได้เป็นพระอรหันต์ และก็ยังไม่นิพพาน อารมณ์ใจเรายังมีความวุ่นวายอยู่ สิ่งที่วุ่นวายมากที่สุดก็คือโทสะใช่ไหม เราหนักเรื่องกิน มันหนักทางกาย ทางใจเราก็หนักเหมือนกัน ถ้าหาได้ใจมันก็เบา แต่โทสะนี่มันหนักที่สุด สังเกตดูซิโทสะมันหนักตรงไหน ถ้าโทสะมันเกิดขึ้นมันหนักตรงเท้า เท้านี่หนักก่อน เดินแรง ดีไม่ดีกระทืบบ้านตึง ๆๆ ใช่ไหม มันหนักตรงหัวแล้วมันเลื่อนมาถึงเท้า เท้าลงแรง
ทีนี้วิธีตัดโทสะพระพุทธจ้าสอนไว้หลายแบบ ถ้าจะว่ากันเป็นแบบนักปฏิบัติในจริตกันจริง ๆ พระพุทธเจ้าสอนไว้ ๒ แบบ
แบบหนึ่งทรงให้ใช้ พรหมวิหาร ๔
และอีกแบบหนึ่ง พระพุทธเจ้าทรงให้ใช้ กสิณ ๔
สำหรับพรหมวิหาร ๔ จิตของเราคิดไว้เสมอว่า เราจะไม่เป็นศัตรูของใคร เราจะเป็นมิตรที่ดีของคนและสัตว์ทั้งหมด
อารมณ์ที่สอง จิตคิดสงสารคนและสัตว์ในโลก คือคนและสัตว์ที่มีทุกข์อยู่นี่เป็นที่น่าสงสาร ถ้าโอกาสเรามี ช่วยเหลือได้เราจะช่วย
ถ้าหากว่าเห็นใครเขาได้ดี อารมณ์อิจฉาริษยาเราไม่มี พลอยยินดีกับความดีที่เขาได้รับ และก็มองดูว่าทำไมเขาจึงดีกว่าเรา เราทำอย่างเดียวกับเขา เราค้าขายเหมือนกับเขาแต่เขาได้กำไรมากกว่าเรา เมื่อรู้ว่าดีกว่าเรา เราพอใจในความดีก็ย่อมเก็บเอาความดีเขามาใช้บ้าง ว่าเขาทำแบบนี้มันดีเราก็ทำบ้าง มันก็ดีตาม ทำให้เราดีไปด้วย
ถ้าสิ่งใดมันเกินวิสัยที่จะยับยั้งได้ ช่วยเหลือได้ เราก็วางเฉยไม่ซ้ำเติม อันนี้เป็นอารมณ์อันหนึ่งที่พระพุทธเจ้าให้ทรงระงับ หาทางลิดรอนกำลังของโทสะ
และประการที่สอง ท่านบอกว่าถ้าใช้อย่างนี้ไม่เป็นที่ถูกใจ ก็จงหากสิณทั้ง ๔ กสิณ ๔ นี้ต้องเลือก กสิณนี่มีถึง ๑๐ นะ ต้องเลือกให้ถูกจังหวะ ไปหยิบกสิณผิดไม่ได้นะ กสิณที่จะให้ผลในการตัดโทสะก็มี ๔ คือ
๑. โลหิตกสิณ กสิณสีแดง
๒. ปีตกกสิณ กสิณสีเหลือง
๓. นีลกสิณ กสิณสีเขียว
๔. โอทาตกสิณ กสิณสีขาว
ถ้าใช้กสิณ ๔ อย่างนี้ เอาอย่างเดียวที่เราชอบ ชอบสีอะไร ชอบสีแดงหรือว่า ชอบสีเหลือง หรือว่าชอบสีเขียวหรือว่าชอบสีขาว ทำเป็นวงกสิณลืมตามองดู แล้วก็หลับตาจำภาพกสิณ จนกระทั่งถ้ากสิณนี้ถึงฌาน ๔ จิตใจก็จะระงับโทสะอย่างจริงจัง ถ้าถึงขั้นอุปจารสมาธิโทสะมันก็เบา หากว่าเข้าถึงฌานโทสะมันก็เริ่มมีกำลังน้อยลง ถ้าถึงฌาน ๔ พอถึงฌาน ๔ ทรงตัวบางคนคิดว่าเป็นพระอนาคามี ยั่วเท่าไรมันก็ไม่เกิดโทสะ ถ้าฌานมันยังทรงตัวนะ ถ้าฌานสลายตัวโมโหใหม่ ไม่เป็นเรื่อง แต่ว่าเป็นการระงับโทสะเพื่อรับอารมณ์ของ วิปัสสนาญาณ จิตมันเป็นสุข สำหรับกสิณ ๔ นี่ถ้าว่ากันไปญาติโยมก็จะหนักใจนิดหนึ่ง
จากหนังสือ 📚 คำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่มที่ ๑๒ หน้าที่ ๑๑๓ โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
186 - 6
🪷#เหม็นภายนอกกับเหม็นภายใน 🪷
ท่านสอนลูกสาวในอดีตชาติของท่าน เมื่อวันที่ ๑๐ ม.ค. ๓๖ เวลาประมาณ ๑๗.๔๕ น. มีความสำคัญดังนี้
ทุกข์บางอย่างก็ละได้ ทุกข์บางอย่างก็ละไม่ได้ ทุกข์ของกายละไม่ได้ ต้องหาทางระงับ หรือดับมันไปตามเรื่องตามราว ส่วนทุกข์ของจิตนั้นละได้นะ”
(เหตุเพราะขณะนั้นลูกสาวของท่านกำลังนั่งขับถ่ายอยู่ ซึ่งเป็นทุกข์ของกาย)
🔶ท่านถามว่า “ถุงเท้า-เสื้อ-ผ้าที่ใช้แล้วยังไม่ได้ซัก เหม็นไหม ?”
🔶ตอบ เหม็นค่ะ
🔶ท่านถามว่า “แล้วขี้ เยี่ยว เหม็นไหม ?”
❇️ตอบ เหม็นค่ะ
🔶ท่านถามว่า “เสื้อผ้าที่ยังไม่ได้ซัก กับขี้เยี่ยวที่อยู่ข้างใน อันไหนเหม็นกว่ากัน ?”
🔶ตอบ ข้างในเหม็นกว่าค่ะ
🔶ท่านถามว่า “แล้วไอ้ขี้ที่อยู่ข้างนอก ตั้งแต่หัวจรดเท้าลงมาเหม็นไหม ? แล้วซักได้ไหม ?”
❇️ตอบ ซักได้ชั่วคราวค่ะ
🔶ท่านถามว่า “แล้วร่างกายมันมีดีตรงไหน ?”
❇️ตอบ ไม่มีดีเลยค่ะ
ในเมื่อกายไม่ดี เหม็นขี้ทั้งตัว แก้ไขระงับได้ชั่วคราว โดยอาศัยความโง่ที่เราไปหลงเกาะติดกาย ทำให้เกิดมาเป็นตัวเป็นตน ทุกข์ของกายอย่างนี้แก้ไขให้หายเด็ดขาดไม่ได้ จนกว่ากายจะตายไป
🔶ท่านถามว่า “แล้วปาก-วาจาของเอ็งเหม็นไหม ?”
❇️ตอบ ยังเหม็นอยู่ค่ะ
🔶ท่านถามว่า “แล้วจิตของเอ็งเหม็นไหม ?
❇️ตอบ ยังเหม็นอยู่ค่ะ
“นั่นน่ะซิ ถ้าจิตเหม็นเสียอย่างเดียว วาจาก็เหม็นด้วย ถ้าเอ็งหมั่นชำระจิตใจให้หายเหม็น วาจาก็หายเหม็นได้
ส่วนกายนั้นแก้ไม่ได้ มีแต่ขี้ทั้งนั้น จิตนั้นแก้ได้ ก็ต้องแก้ที่จิต ทุกข์-สุข-เกิด-ดับ
ต้องแก้ที่ตรงจิตนี้ สิ้นทุกข์-สุข รู้เกิดดับเมื่อไร จิตก็หายเหม็นเมื่อนั้น”
มัวแต่ท่องจำ ศีล-สมาธิ-ปัญญา ๆ แบบนกแก้วนกขุนทองนั้นแก้ไม่ได้ หากจะแก้ให้ได้จริง จะต้องรู้ว่า ศีลคืออะไร สมาธิคืออะไร ปัญญาคืออะไร”
แล้วไอ้ประเภทที่รู้ว่าศีล-สมาธิ-ปัญญาคืออะไร แต่ดันเอามือไปซุกหีบ กูไม่ทำ กูไม่เพียร
ตัวเหม็นก็หายไปจากจิต-จากวาจาไม่ได้ รู้แล้วก็ต้องหมั่นทำ หมั่นเพียรด้วย ความเหม็นจึงจักหายไปจากจิตจากวาจาได้”
ที่มา
เรื่อง เหม็นภายนอกกับเหม็นภายใน หน้าที่ ๒๐๑
หนังสือ📚 รำลึกถึงความดีของหลวงพ่อในอดีต หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง (พระราชพรมยานมหาเถระ)
รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
656 - 15
🧘🪷ซ้ายโลก ขวาธรรม🪷
ลูกศิษย์หลายคนคงเคยได้ยินคำสอนหลวงปู่ที่ว่า
✴️"หมั่นทําเข้าไว้ๆ จะไปไหนมาไหนให้คุมจิตเข้าไว้"✴️
มีคนจำนวนไม่น้อยที่คิดว่าการปฏิบัติธรรม
คือต้องไปวัด ถือศีล นั่งสมาธิ
แท้จริงแล้วพระพุทธเจ้าก็ดี หลวงปู่ก็ดี ท่านสอนให้เราเดินตามมรรคแปด หรือทำตามมงคล ๓๘
สรุปสั้นๆ เหลือเพียง ๓ คือศีล สมาธิ ปัญญา หรือทาน ศีล ภาวนา นั่นเอง (การปฏิบัติธรรม)
🧘🏻📌จึงไม่ใช่หลับตานั่งทําสมาธิเพียงอย่างเดียว
หลวงปู่ท่านใช้คำว่า “คุมจิต” คือให้ระลึกถึงพระไว้ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน ตลอดเวลา
เว้นไว้แต่เวลาถ่ายหนักถ่ายเบา
ให้หยุดนึกถึงพระหรือหยุดบริกรรมไตรสรณคมน์ไว้ก่อน
เพราะเหตุใด ? หลวงปู่ท่านตอบสั้นๆ ว่า “ทวารเปิด"
ผมมานึกภายหลังเองว่า หลวงปู่สอนภาวนาให้นึกถึงพระ เป็นพุทธานุสสติ ท่านให้นึกให้สูงไว้ แต่เวลาที่เราถ่าย มีของเสียออกจากร่างกายไหลลงที่ต่ำ เป็นการไม่สมควร หากต้องการปฏิบัติให้ต่อเนื่องหรือเจริญสติปัฏฐาน
ก็ให้พิจารณากาย ไม่มีของสกปรกปฏิกูล ไหลเข้าออกอยู่ตลอดเวลาแทน
หลวงปู่สอนให้คุมจิต บ่อยครั้งตอนที่กราบลาท่านจะกลับบ้าน ท่านก็มักจะพูดว่า "หมั่นทำเข้าไว้ๆ"
บัญชีท่านก็จะพูดต่อด้วยว่า "ให้ดูจิต รักษาจิต"
การคุมจิตหรือรักษาจิตไม่ให้โกรธ โลภ หลง เกิดขึ้นที่ใจเรา ถ้ามันเกิดขึ้นแล้ว ก็พยายามเอาออกไปไม่ให้อยู่นาน
✴️ท่านว่า โกรธ โลภ หลงนั่นของโลก
ไม่โกรธ ไม่โลภ ไม่หลงนี่ของพระพุทธเจ้า ✴️
เรื่องโลกเรื่องธรรมนี้ บางที่หลวงปู่ท่านก็พูดว่า
ซ้ายโลก ขวาธรรม
ท่านอธิบายให้ฟังเพิ่มเติมว่า
“หัวใจเราอยู่ทางซ้าย เวลากำหนดจิต คุมจิตนี้
ให้กำหนดที่กลางหน้าอก มาทางขวา
ถ้าไม่กำหนดไว้อย่างนี้ จิตจะไหลลงไปทางโลก
ไปโกรธโลภหลงได้ง่าย
แกลองไปทำดู"
☀️🙏🏻หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ🙏🏻☀️
🌿🌼🌿🌼🌿🌼🌿🌼🌿🌼🌿
จากหนังสือ📚บันทึก เรื่องจริงจากประสบการณ์๓
หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ คำสอน ศรัทธาและปาฏิหาริย์
เมธา พรพิพัฒน์ไพศาล
หน้า๓๘-๓๙
373 - 18
🧘🪷🙏#วิธีการกราบพระ🪷🪷🪷
🙏 #กราบครั้งที่หนึ่ง นั่นก็คือ เวลาที่เรากราบพระทุกครั้งนี่ หรือไหว้พระทุกครั้ง จิตจะต้องเห็นพระพุทธเจ้าอยู่เป็นปกติ แล้วกล่าวว่า "#อะระหัง #สัมมา #สัมพุทโธ #ภะคะวา #พุทธัง #ภะคะวันตัง #อะภิวาเทมิ"
✨นั่นหมายถึงว่า #เรากราบพระพุทธเจ้า ถ้าเวลาจิตที่กราบ ความจริงเราอาจนั่งอยู่หน้าพระพุทธรูป หรือว่าที่ที่เรากราบไม่มีพระพุทธรูปก็ตาม แต่ว่าจิตของเราถ้าได้ #มโนมยิทธิ ต้องส่งจิตขึ้นไปที่นิพพาน แล้วกราบลงไปต่อหน้าพระพักตร์ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างนี้เขาเรียกว่า "#กราบถึงพระ"
🙏#กราบครั้งที่สอง ที่เรียกกันว่า #กราบพระธรรม ที่เป็นคำสอนของหลวงพ่อปานก็ดี อาจารย์ทั้งอีก ๑๐ องค์ของอาตมาก็ดี สอนเหมือนกันหมดเพราะอีก ๑๐ องค์เป็นพระอรหันต์ #หลวงพ่อปาน เป็นพระโพธิสัตว์
✨ ท่านบอกว่า "#เวลากราบพระธรรม #ให้จิตคิดกำหนดไว้ว่า #เมื่อกราบลงไปแล้วเห็นเป็นดอกมะลิแก้วไหลออกจากพระโอษฐ์ของพระองค์ #ลงมาบนเศียรเกล้าของเรา"
✨พระธรรมให้ตั้งเป็นนิมิต ให้เหมือนกับ #ดอกมะลิแก้ว ที่ใสสะอาดมีความแพรวพราวไหลออกจากพระโอษฐ์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าลงบนเศียรของเรา
✨แล้วเวลา 🙏#กราบพระอริยสงฆ์ ตอนนี้พระพุทธเจ้าเสด็จอยู่ที่ไหน ที่นั่นย่อมไม่ว่างจากพระอริยสงฆ์ เวลาที่จะกราบลงไปครั้งที่สาม ก็ตั้งใจเห็นพระอริยสงฆ์ ซึ่งมี #พระโมคคัลลา #พระสารีบุตร เป็นต้น
#กราบครั้งที่สาม ก็คิดว่าเรากราบลงไปข้างหน้าของท่านทั้งสอง หรือพระองค์ใดองค์หนึ่งก็ได้
✨ถ้าบรรดาญาติโยมพุทธบริษัททำเป็นปกติ เป็นกิจประจำวัน เวลากราบพระทีไรเห็นสภาพแบบนี้หรือนึกถึงพระขึ้นมาเมื่อไหร่ก็เห็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระรูปพระโฉมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เราเห็นที่นิพพาน ให้มันจับใจเราอยู่เสมอเป็นปกติ
✨รวมความว่า หายใจเป็นพระพุทธเจ้า แล้วก็ต้องมีจิตคิดไว้เสมอว่า เราไม่ต้องการอะไรทั้งหมดตัดอารมณ์ย่อๆ #องค์สมเด็จพระบรมสุคต #คือพระพุทธเจ้าอยู่ที่ไหน #เวลาเราตายแล้วเราขอไปที่นั่น #เราขออยู่กับท่าน
✨ถ้าท่านมีอารมณ์คิดอย่างนี้ไว้เป็นปกติ ถ้ามันตายเมื่อไร เราก็ไปนิพพานเมื่อนั้น ขอบรรดาญาติโยมพุทธบริษัททุกท่านทำตามนี้นะ
✨และก็ส่วนที่มีความสำคัญอีกจุดหนึ่งก็คือ #เวลาก่อนหลับ #เราจะต้องส่งจิตไปนิพพานก่อน #ถ้าตื่นขึ้นมาใหม่ๆยังไม่ต้องสนใจอะไรทั้งหมดไปนิพพานก่อน #ทำให้มันเป็นปกติ #เวลาทำงานทำการ #ถ้าอยู่ว่างคนเดียวไม่มีใครชวนคุย #ว่างจากการนิดหนึ่ง #หรือว่าเวลาทำงานอยู่ #จิตจับอยู่ที่พระนิพพานเป็นอารมณ์ #ถ้าทำได้อย่างนี้ทุกคนก็ไปนิพพานทุกคน
🌾เอ้า! เลิกได้แล้วนะ หวังว่าทุกท่านคงจำได้และก็ปฏิบัติได้.🌾
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐
หนังสือพ่อสอนลูกเล่ม ๙ คำสอนของ
พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
วัดจันทาราม (ท่าซุง) อุทัยธานี โดย สุนิสา วงศ์ล้อมปาริชาต แสงหิรัญ ชมรมวิชชุเวทย์ธรรมปฏิบัติ
หน้า ๔๔-๔๕
🔔เพจ:คำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
515 - 17
🙏🪷หลวงพ่อสอนไว้🪷
เวลานี้บรรดาท่านพุทธบริษัททุกคน จะทำบุญมากก็ตามน้อยก็ตาม ทำบุญกับพระก็ตาม ให้ทานกับคนก็ตาม ให้ทานกับสัตว์ก็ตาม ให้คิดไว้เสมอว่า เราให้ทานหรือทำบุญครั้งนี้ เราไม่หวังผลตอบแทนจากท่านผู้รับ เราต้องการผลอย่างเดียวคือพระนิพพาน
ถ้าถึงเวลาบูชาพระก็เหมือนกัน เราต้องการพระนิพพาน ถึงเวลาฟังเทศน์ฟังธรรมอะไรทุกอย่าง ทำความดีทุกอย่าง เราต้องการนิพพานทั้งหมด แม้แต้ให้ทานกับขอทานเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ตาม เราให้เพื่อนิพพาน เราไม่ต้องการเพื่อผลตอบแทนของเขา.
จากหนังสือ📚 ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๓๕๐ หน้าที่ ๙ โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
1.2K - 30
🧘🪷พระ"พุทธกัสสป"ท่านเทศน์เรื่องการให้ทาน
💫ลูกศิษย์ “ลูกสงสัยอยู่ข้อหนึ่ง สมมติว่าเกิดมาชาตินี้ บางคนก็ดี๊ดี แต่ทำไมเขายากจนมาก แสดงว่าในอดีตเขาไม่ทำบุญอะไรไว้
🌟ที่พระพุทธเจ้าทรงเทศน์ที่ #พาราณสี ว่า "คนใดให้ทานด้วยตนเอง แต่ไม่ชักชวนผู้อื่น ท่านบอก #พระพุทธกัสสป เทศน์อย่างนี้ พระพุทธเจ้าทรงบอกว่า สมัย #พระพุทธกัสสป เป็นพระพุทธเจ้าท่านเทศน์อย่างนี้นะ
🌟#บุคคลใดให้ทานด้วยตนเองแต่ไม่ชักชวนคนอื่น #ตายแล้วเกิดชาติใหม่เป็นคนร่ำรวยแต่ไม่มีพวกพ้อง
🌟#บุคคลใดชักชวนคนอื่นให้หมั่นทำบุญแต่ตนเองไม่ทํา #เกิดมาชาติใหม่ยากจนแต่มีพวกมาก
🌟#บุคคลใดให้ทานด้วยตนเองด้วยชักชวนคนอื่นด้วย #เกิดมาชาติใหม่ร่ารวยมากและมีพวกมาก
🌟#ถ้าผู้ใดไม่ให้ทานด้วยไม่ชักชวนด้วย #เกิดมายากจนหาพวกไม่ได้
📚พิมพ์หนังสือ”ธัมมวิโมกข์ ปีที่ ๓๑ ฉบับที่ ๓๒๕ เดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ หน้าที่ ๒๕
⭐️คำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดจันทาราม(ท่าซุง) จ.อุทัยธานี
✨เพจ:คำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
🖊พิมพ์ธรรมทาน นภา อิน❤️
739 - 30
✨🪷ร่างกายนี้ ในไม่ช้าก็จักเป็นผีในป่าช้า ให้พิจารณา ขันธ์ ๕ ตามความเป็นจริง จักเห็นร่างกายเป็นสิ่งที่น่าเบื่อหน่ายที่สุด อันพึงที่จิตของเราควรจักละทิ้งไป การพิจารณาร่างกาย พยายามรักษากําลังใจให้สม่ำเสมอ อย่าทําจิตให้ ตก คือเศร้าหมองไปกับธรรมที่พิจารณานั้น ให้รักษากําลังจิตให้เข้มแข็ง ยอมรับสภาพที่เสื่อมลงไปทุกขณะของ ร่างกาย แล้วหมั่นรักษาอารมณ์วางเฉยกับร่างกายตนเอง มันจักแก่ก็เชิญแก่ มันจักป่วยก็เชิญป่วย มันจักตายก็เชิญตาย อย่าไปทุกข์ร้อนกับมัน
🌻#ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น
1.3K - 38
🧘🪷..หลวงพ่อสอนลูก..🪷
โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
(หลวงพ่อฤๅษี..วัดท่าซุง)
**********************************
🌺..ขันธ์ ๕ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา..🌺
เมื่อขันธ์ ๕ ตกอยู่ในสภาวะของกฎธรรมดาอย่างนี้ มันไม่เชื่อมันไม่ฟังการห้ามปรามของเรา ก็แสดงว่าขันธ์ ๕ ไม่ใช่เราและไม่ใช่ของเรา
🪻 ขันธ์ ๕ มีสภาพนอกเหนือที่เราจะบังคับบัญชา เมื่อขันธ์ ๕ มีสภาวะนอกเหนือในการบังคับบัญชาของเราคือขันธ์ ๕ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ขันธ์ ๕ เป็นของใคร?
🍃องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ากล่าวว่า..ขันธ์ ๕ เป็นของกิเลสและตัณหา คือขันธ์ ๕ จะปรากฏขึ้นมาได้ก็เพราะอาศัย กิเลสและตัณหาปรุงแต่งหาชาติหาภพให้เกิด หาร่างกายให้เกิด
🌺ชีวิตของคนและสัตว์ก็เหมือนกัน เมื่อมีความเกิดขึ้นมาในเบื้องต้นแล้ว ทั้ง ๆ ที่จะคอยบำรุงรักษาด้วยอาหารก็ดี ด้วยยารักษาโรคก็ดี ด้วยการบริหารร่างกายก็ดี ถึงแม้ว่าจะทำอย่างนี้เพียงใดก็ตามที ร่างกายก็ไม่ทรงสภาพอยู่ตามปกติ ย่อมเคลื่อนเข้าไปหาความทรุดโทรมทีละน้อย ๆ ที่เรียกว่าค่อย ๆ แก่ลง
🏵️ แล้วในระดับที่สังขารค่อย ๆเคลื่อนไปหาความแก่ เดินไปหาความตายนั้น สังขารก็ยังมีทุกข์ที่ประกอบไปด้วยโรคภัยไข้เจ็บนานาประการ อาการที่เสียดแทงจิตใจ และร่างกายให้ทนได้ยาก ท่านเรียกว่า “โรค”
🌸โรคะ แปลว่า การเสียดแทง
ทุกข์ แปลว่า ทนได้ยาก
เมื่อโรคเกิดขึ้นแล้วก็เกิดความทุกข์ ความทุกข์ความทรมานที่เกิดขึ้นแก่จิตใจก็เพราะอาศัยกิเลสและตัณหา เพราะอาศัยการยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ ๕
องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าให้พิจารณาให้เห็นว่า ขันธ์ ๕ นี้เป็นภัย ขันธ์ ๕ นี้ เป็นของน่าเบื่อ เพราะมีสภาพไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
คำว่า “อนัตตา” หมายความว่า มันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในมัน แล้วมันไม่ใช่ตัวเรา ตัวเราคือ “จิต”
ถ้าขันธ์ ๕ เป็นเราจริง เป็นของเราจริง เมื่อเราไม่มีความปรารถนาจะให้ขันธ์ ๕ ทรุดโทรม มันก็ต้องไม่ทรุดโทรม แต่เราจะมีความปรารถนาเพียงใดก็ตามทีมันก็ทรุดโทรมไปตามสภาพของมัน
🥀🥀 เราไม่ปรารถนาให้ขันธ์ ๕ มีโรคภัยไข้เจ็บ หาทางป้องกันต่าง ๆ แต่การป้องกันอย่างนั้นจะได้สมประสงค์ก็หาไม่ ในที่สุดมันก็แตก มันก็ทำลาย มันก็ทรุดโทรมไปตามสภาพของมัน
🥀🌺🌷🪷🌸💮🏵️🏵️💮🌸🪷
คำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
จากหนังสือ📚ครบรอบ ๑๐๐ ปีชาตกาล รวมคำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ปี พ. ศ. ๒๕๑๐ หน้า ๑๘๖-๑๘๗
วัดจันทาราม(ท่าซุง)จ.อุทัยธานี
786 - 25
🧘🪷“คนดี ไม่ตีใคร”
ที่เคยเขียนไว้ในหนังสือ “ไตรรัตน์” คำสอนสั้น ๆ ของหลวงปู่ประโยคนี้
ลูกศิษย์หลายคน ตีความแตกต่างกันออกไป หากด่วนสรุปโดยไม่พิจารณา ให้รอบคอบ อาจจะไม่ตรงตามความหมายที่แท้จริง
ในพระไตรปิฎกเรื่อง ศีล ๕ และกรรมบถ ๑๐
มีความว่า
ศีล ๕ เครื่องบ่งชี้ความเป็นปกติของมนุษย์
ข้อ ๑ เว้นจากการฆ่าสัตว์
ข้อ ๒ เว้นจากการลักขโมย
ข้อ ๓ เว้นจากการประพฤติผิดในกาม
ข้อ ๔ เว้นจากการพูดเท็จ คำหยาบ ส่อเสียด เพ้อเจ้อ
ข้อ ๕ เว้นจากการดื่มสุราและของมึนเมา
กุศลกรรมบถ ๑๐ ข้อ คือความสะอาดทางกาย วาจา ใจ กายกรรม ๓ วจีกรรม ๔ มโนกรรม ๓
กายกรรม คือ ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม
วจีกรรม คือ ไม่พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ
มโนกรรม คือ ไม่โลภ อยากได้ของคนอื่น
ไม่โกรธ พยาบาทปองร้ายผู้อื่น
ไม่หลง มีความเห็นถูก เป็นสัมมาทิฏฐิ
คำว่า “คนดี ไม่ตีใคร” ที่หลวงปู่ดู่สอนนั้น ไม่ได้มีความหมายเพียงแค่ การไม่พูดให้ร้ายใคร หรือไม่มีทางวาจาเท่านั้น หากแต่เป็นการ ไม่ตีใคร ทั้ง กาย วาจา ใจ
ดังปรากฏในศีล ๕ และกรรมบถ ๑๐ ที่นำมาแสดงในหน้าซ้าย
รวมถึงใน โอวาทปาฏิโมกข์ ที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์
สอนตรงกันหมด
คนดี ไม่ตีใคร
ไม่ตีทั้งกาย
ไม่ตีทั้งวาจา
ไม่ตีทั้งใจ !
หลวงปู่ท่านสอนไว้แบบนี้!
🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿
จากหนังสือ ๑๐ อันดับ หลวงปู่ดู่ ที่คนอยากรู้
หน้า๕๔-๕๕
846 - 31
🙏🪷การโมทนากับเขา🪷
1.1K - 63
คติธรรมคำสอนของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี##เพื่อความเป็นศิริมงคลเพื่อทำสมาธิ เพื่อการนอนหลับและผ่อนคลายปรับคลื่นสมอง ให้หลับลึก #Relex sound music