in the future - u will be able to do some more stuff here,,,!! like pat catgirl- i mean um yeah... for now u can only see others's posts :c
OMEGA Boutique โฉมใหม่ที่ Central Embassy ชั้น G
ดีไซน์ร้านสวย โปร่ง โล่ง สบายตา แต่ยังคงความหรูหราแบบ OMEGA ไว้อย่างเต็มที่
มีมุมอื่นๆ ที่น่าสนใจ ทั้ง VIP Lounge ที่ใหญ่ที่สุดในไทย และโต๊ะกลางร้านดีไซน์พิเศษที่รวมรุ่นนาฬิกาหรูไว้ให้เลือกดูอย่างจุใจ
หากต้องการสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษ สามารถเยี่ยมชมได้ที่ OMEGA Boutique ทุกสาขา
#OMEGAThailand #OMEGAMyChoice
15 - 0
สำหรับคนที่สนใจ classic style เวลาพูดว่า “blazer” สิ่งที่แล่นเข้ามาในหัวของทุกคนแทบจะเป็นอย่างเดียวกัน navy blue blazer กับกระดุมทองนั่นเอง
แม้ว่า blazer จะเป็นคำที่ใช้กันอย่างแพร่หลายแต่กลับไม่ได้รับความนิยมในการตัดจริง ๆ เท่ากับสูทหรือสปอร์ตแจ็คเก็ตอย่างน่าประหลาดใจ ผมคิดถึงข้อเท็จจริงนี้มาสักพักแล้ว จนคิดว่า ”เออ ลองตัดดีกว่า“
ผมเลือกตัดกับ Jin Tonic @jintonic.store ด้วยรูปทรง โครงสร้าง สัดส่วน ความละเอียดในการจูนตำแหน่งกระดุมและทรงปกให้เหมาะสมระหว่าง 6x1 และ 6x2 และที่สำคัญคือ passion ในการ ”ลอง“ ของพี่คิม เจ้าของร้าน
ผ้าที่ใช้เป็นของ Standeven @standeven1885 เล่ม Cape Town ที่มีเทคนิคการทอที่แพรวพราวเลยทีเดียว ผ้าตัวนี้เป็น wool 70% และ 2-ply mohair 30% เส้นใยทั้งสองถูกแยกเอาไว้ ไม่ได้ปั่นผสมกัน จึงได้เห็นความเป็น mohair แบบจับต้องได้มากๆ และทำให้ผ้ามีความสะดุดตามากขึ้นด้วย เป็นผ้าที่ให้ความเงาจากธรรมชาติของเส้นใยแบบไม่เงาเกินไปและความยับยาก คืนตัวง่ายยังคงมาครบ
รายละเอียดทั้งหมดจะพูดถึงกันอีกทีในคลิปความยาวครึ่งชั่วโมง รวมถึงแนะนำผ้าสำหรับตัด navy blazer ด้วย พบกันสุดสัปดาห์นี้ครับ
26 - 6
วันนี้ไปรับสูทมาพอดี เลยเอามาให้ดูกัน นี่คือความเว้าของหลังแจ็คเก็ตหลังจากเก็บแล้วโดยช่าง in-house ของร้าน Clothier & Sons ครับ
ใครยังไม่ได้ดูคลิปใหม่ ไปดูเลยย
[รีวิว] DROP 6 รุ่นที่ 2 สูท RTW ราคา 1 หมื่นกว่าๆ แบบเยอะ แก้ไซส์ฟรี งานมือแน่นที่สุด! | art_woek
https://youtu.be/33cGHfZvcOU
10 - 0
พอดีมีท่านสมาชิกชมรมคนชอบรองเท้าหนังสอบถามความแตกต่างของฟิตระหว่าง Crockett & Jones Ari และ Harvard เข้ามา ผมเลยขอมาโพสต์ภาพเทียบ ๆ ให้ดูความแตกต่างกัน และขอสรุปความต่างนั้นดังนี้ครับ
ต่างกันทุกจุดเลยก็ว่าได้ครับ อย่างละนิดละหน่อย
ช่วงหัวรองเท้าของ Havard จะมีพื้นที่ให้ขยับมากกว่าเล็กน้อยครับ แล้วก็ vamp ของ Havard จะสูงกว่าเล็กน้อยด้วย
ช่วง heel ของ Ari จะทำเป็นทรงส้นเท้าได้ดีมาก ๆ มันแนบแบบแทบจะเป็นชิ้นเดียวกับส้นเท้าของเราเลยครับ ส่วน Havard จะมีพื้นที่มากกว่าส้นเท้าของเราเล็กน้อย relax กว่า ถ้าใครเนื้อเท้าเยอะ ๆ น่าจะใส่ Harvard สบายกว่าครับ ส่วนนี้จะต่างกันชัดเจนเลย
รวม ๆ ผมว่า Ari จะ dressy กว่า ดูโฉบเฉี่ยวร่วมสมัยกว่า ส่วน Harvard จะมีความ relax มากกว่าภาพที่ให้ก็ดูมีกลิ่นอายวินเทจนิด ๆ
สิ่งที่เจออีกอย่างคือ quarter ของ Harvard จะสูงกว่าครับ จังหวะเดินมีมาสะกิดตาตุ่มบ้างเหมือนกัน ในขณะที่ Ari ไม่เคยแตะโดนตาตุ่มของผมเลย
18 - 4
แจ็คเก็ตสีม่วงตัวนี้มาจากแบรนด์ใหม่ที่ชื่อว่า The Boundary ครับ เป็นแบรนด์ที่บอกว่าทำเสื้อแบบ ready to wear แต่ที่จริงผมว่าเป็น made to measure ในราคา ready to wear ครับ!!
ผมนับถือความกล้าหาญของแบรนด์อย่างหนึ่ง ท่ามกลางความคึกคักของตลาด soft tailoring แบรนด์ The Boundary เลือกที่จะเดินตามทางที่ตัวเองชอบ “ผลักดันเส้นกั้นอาณาเขตการแต่งตัว“ ตามชื่อแบรนด์และเปิดตัวแจ็คเก็ตโมเดลแรกที่ชื่อว่า The Seconda Jacket ที่ผสมผสานระหว่างสไตล์อิตาเลียนและอังกฤษ
โดยมีจุดเด่นคือเส้นบ่าที่คมชัด แข็งแรง ทะมัดทะแมง แต่ก็มีช่วงลำตัวและหน้าอกที่ไม่ได้หนาชวนอึดอัด และเป็น half canvas ที่มีการ pad stitch ใต้ปกให้มี lapel roll ที่โค้งสวย
นอกจากนี้ selection ผ้าที่เราสามารถเลือกตัดได้ก็จะเน้นไปที่ผ้าแจ็คเก็ตที่มีลวดลายสนุกสนานในการสวมใส่ สมชื่อ The Seconda Jacket ที่แปลว่า “แจ็คเก็ตตัวที่สอง” (ไม่ใช่ตัวแรกที่ทุกคนตัดเพราะ “ต้องตัด“ แต่เป็นตัวที่ ”อยากตัด“ จริง ๆ) และมีตั้งแต่ผ้า jacketing สนุก ๆ แบบ wool+linen+silk ไปจนถึง wool 100% จากแบรนด์ผ้าสูทโดยเฉพาะ
ความยาวลำตัวแจ็คเก็ตที่ทางแบรนด์แนะนำก็จะมีความยาวระดับที่คลุมก้นเลย “คลุมก้นยังไงให้สวย“ เป็นโจทย์ที่ The Boundary ตีแตกมาก ๆ ต้องขอบคุณการตัดเก็บช่วงสะโพกที่ทำทรวดทรงได้รับกับสรีระลงตัวมาก ๆ ทำให้ฟิตติงให้ฟีลที่สุขุม โดยไม่ทำให้แจ็คเก็ตดูยาวจนเกินไป
บริการหลักของ The Boundary จะเรียกว่า “Home Shopping” โดย The Boundary จะมีไซส์มาตรฐานอยู่ 5 ไซส์ แล้วเขาจะส่งตัวอย่างเสื้อให้เราลองสวมที่บ้านถึง 2 ตัว 2 ไซส์ เราสามารถเลือกปรับแก้ไซส์จากตัวอย่างได้ทุกส่วนยกเว้นไหล่
ทางแบรนด์จะตัดแบบตัวต่อตัวโดยช่างประสบการณ์สูงและทำงานกับแบรนด์แบบ in-house งานที่ออกมาก็จะไม่ใช่แค่สวยเท่านั้น แต่ฝีมือยังนิ่งอีกด้วย
แม้ว่าสิ่งนี้จะฟังดูเป็นการสั่งตัดแบบ MTM แต่แบรนด์จะใช้เวลาตัดเพียง 7-10 วันเท่านั้น ซึ่งใกล้เคียงกับเวลาการส่งเสื้อ RTW ที่เราซื้อไปทำความยาวแขนและถักรังดุมนั่นแหละ
ด้วยบริการแบบนี้ คุณสมบัติขนาดนี้ ทางแบรนด์ทำราคาออกมาได้ที่ 13,500 บาท ผมว่าคุ้มค่ามาก ๆ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่สวมใส่ RTW แบบหยิบจากราวแล้วสัดส่วนไม่พอดี อาจจะเอวแคบไป สะโพกกว้างไป ลดไซส์ก็แน่น ตรงไซส์ก็ตัวยาวเกิน ฯลฯ The Boundary ตอบโจทย์แน่นอน ในราคาที่ไม่ได้หนีกันเลย
และเป็นทางเลือกหลักเลยสำหรับใครที่อยากลี้ภัยสงคราม soft tailoring ไปลองอะไรที่แปลกใหม่บ้าง ได้ลองทั้งแบรนด์ใหม่ โครงสร้างใหม่ ผ้าลายหวือหวาที่อาจจะไม่เคยลอง และการสั่งซื้อรูปแบบใหม่ จากบริการใหม่ ๆ ที่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในประเทศก็สั่งตัดได้แบบสบาย ๆ
ใครที่สนใจรีวิวตัวเสื้อและวิธีการสั่งซื้อกับ The Boundary แบบเต็ม ๆ รับชมในช่องได้เลยครับ เป็นคลิปที่ทำแบบข้ามปีเลย เพราะสั่งตอนปีใหม่พอดี 🤣
20 - 1
Ring Jacket for The Decorum
โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่าสิ่งที่โดดเด่นและไม่พูดถึงไม่ได้เลยใน Sport Jacket ตัวนี้ก็คือลักษณะการกลัดกระดุมที่เป็น 3 roll 2 แต่ตำแหน่งการ roll กลับเปลี่ยนจาก “เหนือกระดุมเม็ดกลาง” ไปเป็น “ใต้กระดุมเม็ดบน” แทน ฟีล ๆ Florentine jacket (ถ้าติดกระดุมมันจะโรลต่ำลงกว่าในภาพหน่อย อนิจจา ผมไม่ได้ถ่ายตอนติดกระดุมมาเลย 😂)
ลักษณะกระดุมแบบนี้ช่วยให้ตัวดูยาวขึ้น รับกันดีมาก ๆ กับกางเกงเอวสูง ช่วยให้ตัวดูโปร่ง ยาว และยิ่งเป็นการย้ำให้ช่วงอกดูพอง อกผายไหล่ผึ่ง เอวคอด ไหล่ของแจ็คเก็ตที่มีความ extend และมีการหนุนหัวแขนนิด ๆ ก็ยิ่งช่วยให้รูปร่างของเราดูเป็นตัว Y แข็งแรงและสง่ายิ่งขึ้นไปอีก
นี่เป็นการเสริมความหนาของท่อนบนลำตัวโดยเล่นกับสัดส่วนล้วน ๆ เพราะถึงช่วงไหล่-อกจะดูพองอย่างไร ถ้าจับดูจริง ๆ จะรู้ว่าโครงสร้างแจ็คเก็ตบางมากและไม่มีการหนุนไหล่เลย จึงเป็นแจ็คเก็ตที่เราใส่แล้วคนอื่นเห็นว่าเราดูอก-ไหล่หนาขึ้น โดยที่ตัวเราเองไม่ได้รู้สึกถึงความอึดอัด-อุ้ยอ้ายแต่อย่างใด
อีกส่วนหนึ่งที่ต้องยกเครดิตให้คือผ้า เพราะผ้านี้เป็นผ้าที่ทอด้วยเส้นด้ายที่ไม่ได้เส้นบางมาก ให้ texture พอสมควร การยับตัวเป็นเส้นหนาและมีความ fluffy มาก ผมว่าการพองของอก-หัวแขน ดูมีน้ำมีนวลมาก ๆ เพราะผ้าตัวนี้เลย (อีกสองผ้าที่มาพร้อมกันจะทอคนละแบบนะ)
ตัวผ้าเองก็น่าสนใจด้วยความมี texture ของมัน อย่างที่บอกว่าด้ายทอมันหนา ผ้าจึงดูมีความแห้งมาก ประกอบกับการทอที่ชั้นในของผ้าจะมีการทอคล้าย ๆ hopsack แต่ที่ผิวผ้ากลับทอแบบแทบจะไร้รูปแบบ ชนิดที่มองใกล้ ๆ แล้วถึงกับอุทานในใจว่า “นี่เขาทออะไรของเขาวะเนี่ย” ด้ายทอก็มีทั้งสีกรมเข้ม กรม ดำ ผสมกันไป
แต่นั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้ผ้าสีกรมท่าเข้ม ๆ เรียบ ๆ ไร้ลวดลายที่ดูไม่มีอะไรนี้ มันดูมีอะไรขึ้นมาอย่างร้ายกาจ ผมคิดว่านี่เป็นผ้าที่ทุกคนที่ไปหรือแค่เดินผ่านร้าน The Decorum ก็ควรแวะไปจับ ไปดู สักหน่อยเพราะไม่ว่าจะชอบหรือไม่ก็คงต้องยอมรับว่ามันแปลกและเท่ในแบบของมันจริง ๆ
มีดำน้ำเส้นคู่ทั้งกระเป๋าและริมชิ้นหน้า ดำน้ำกดตะเข็บกลางหลัง หลังแขน เกล็ดหน้า และขอบ vent กระดุมถักมือทุกจุด (ยกเว้นปลายแขนที่ทำทีหลัง) ดีเทลเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็จัดเต็มสุด ๆ แบบไม่น้อยหน้าภาพรวมของแจ็คเก็ตเลย
พอดีผมใส่แจ็คเก็ตนี้ในคลิปที่ลงล่าสุดแล้วมีผู้ชมสนใจ เลยลงรีวิวสั้น ๆ ให้อ่านกันก่อน จะขอรีวิวเป็นคลิปเต็ม ๆ อีกทีเร็ว ๆ นี้ที่ยูทูบ art_woek ครับ
jacket: The Decorum made by Ring Jacket
shirt: WOEK
trousers: The Manners
loafers: Crockett & Jones model Ari
27 - 5
ครึ่งหลังของ 2023 เป็นที่สังเกตได้ว่าการแต่งกายสไตล์คลาสสิคในไทยเริ่มจะมีทางเลือกแนว casual ให้ได้เห็นกันมากขึ้นอย่างชัดเจน รวมทั้งมีความหลากหลายมากขึ้นในเรื่องสไตล์ ที่มา และเรื่องราว
ในภาพชุดนี้ผมใส่เสื้อจากแบรนด์ Arthur & Ackhman จะเห็นว่าตัวเสื้อค่อนข้างมีความโดดเด่นในการเลือกใช้ผ้าที่มีสีสันและดีเทลในเนื้อผ้าที่น่าสนใจเลย เพื่อให้ตัวผ้าช่วยขับอารมณ์ของทรงเสื้อออกมาได้เต็มที่ที่สุด
อย่างเสื้อ cabana แขนยาว (ภาพ 1-2) จะทำจากผ้าที่ด้ายพุ่งเป็นสี peach จาง ๆ กับด้ายยืนสีเขียวบวกกับผ้ามีความ slubby พอประมาณทำให้มันเป็นผ้าที่มีมิติน่าสนใจ มีความเหลือบ และมีผิวที่คล้าย ๆ ผ้า raw silk แต่เนื่องจากมันทำจาก linen ทำให้มันกลายเป็น cabana ที่ผสานความหรูหราและความชิลออกมาได้อย่างลงตัวพอที่จะเอามาใส่เป็น over shirt ในลุ๊ก smart casual ได้เลย ผ้าแบบนี้เป็นผ้าที่หาไม่ได้ง่าย ๆ และไม่ได้มีเรื่อย ๆ แน่นอน
สิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือการตัดเย็บที่จัดเต็มโดยช่าง tailor อย่าง cabana แขนสั้น (ภาพ 3-4) ที่ทำจากผ้าลินินลาย awning stripes และมีกระเป๋าถึง 3 ใบ ก็ต่อลวดลายอย่างแนบเนียนจนแทบไม่สังเกตถึงกระเป๋าเลย รังดุมแบบคล้องห่วงที่เราไม่ค่อยได้ใช้งานกัน ทางอาร์เธอร์แอนด์แอคเคอร์แมนก็แนะนำให้เอาไว้ใช้คล้องขาแว่น แล้วหยอดแว่นลงกระเป๋าหน้าอกไปได้เลย ใครที่เคยเอาแว่นใส่กระเป๋าอกแล้วหล่นตอนกระโดดหรือก้มตัว (ผมเอง 5555) อันนี้ตอบโจทย์มาก
ความเนี๊ยบอย่างขนบนิยมแต่ก็แตกต่างอย่างลงตัวมันเกิดขึ้นจาก 2 founders ภายใต้นามปากกา Arthur & Ackhman ที่เป็นชื่อแบรนด์เขานี่แหละ ทั้งสองเป็นเพื่อนที่สนิทกันมายาวนานทั้งที่ความคิดความอ่านและการแต่งกายมันเป็นไปในทิศทางที่ค่อนข้างจะตรงข้ามกัน แต่ทั้งสองก็เห็นพื้นที่ทับซ้อนบางอย่างที่ผมอยากนิยามว่า “แปลกแต่เป๊ะ” เพราะเสื้อผ้าของเขามัน “แปลก” มากพอให้ “อาร์เธอร์” รู้สึกพอใจ แต่ก็ “เป๊ะ” ในรายละเอียดมากพอให้ “แอคเคอร์แมน” ยอมรับเช่นกัน
เสื้อตัวที่สามในคอลเล็คชั่นแรกของ Arthur & Ackhman (ภาพที่ 5) เป็นเสื้อ pull over สีฟ้าอมเขียวที่ดูเหมือนสีน้ำทะเลตื้น ๆ ที่มีทรายสีขาวนวลอยู่ด้านล่าง ตัวนี้ผมรู้สึกว่าสามารถนำมาสวมใส่ในวันพักผ่อนสบาย ๆ ในเมืองได้แบบไม่เคอะเขิน ด้วยสาบเสื้อที่ค่อนข้างลึก ให้เราเลือกปลดกระดุมได้ว่าอยากให้ความชิลอยู่ระดับไหน ปกเสื้อแบบ spread collar แต่ไม่มีกระดุมคอที่บ่งบอกถึงความชิลออกมาอย่างแยบยล
คอลเล็คชั่นแรกของอาร์เธอร์แอนด์แอคเคอร์แมนชื่อว่า “Italian Riviera” นำเสนอ effortless elegance โดยได้แรงบันดาลใจจากชายฝั่งท่องเที่ยวยอดนิยมในอิตาลี เสื้อทำจากผ้าลินินที่ตัดเย็บอย่างพิถีพิถันโดยช่าง tailor ประสบการณ์กว่า 30 ปี ทำให้เสื้อผ้ามีความสบาย ๆ แต่ก็หรูหราคลาสสิคไปพร้อม ๆ กัน
ทุกคนสามารถดูดีเทลเพิ่มเติมได้ที่ IG @arthurandackhman เสื้อทั้งสามแบบในคอลเล็คชั่น Italian Riviera ของ Arthur & Ackhman จำหน่ายในราคา 3,090 บาท แต่มีราคาเปิดตัว 2,890 บาท ก่อน 12 มกราคม 2024 นะครับ!
13 - 0
อย่างหนึ่งที่ยังไม่ได้เขียนถึง-พูดถึงเกี่ยวกับสูทตัวนี้เท่าไหร่คือการที่มันผสม elastane อยู่ 2% (ที่เหลือเป็น cotton) แล้วมันยังไงต่อ
ผมไม่เคยมีสูท-สปอร์ตแจ็คเก็ตใด ๆ ที่ผสมใยยืดเลย พอได้มีแล้วก็รู้สึกว่า เออ พวกกางเกง cotton ผสมใยยืดมันไม่ได้สัมผัสถึงความ “มีประโยชน์” ของการยืดตัวมากเท่าแจ็คเก็ตเลยแฮะ
ในเคสของผ้าที่ไม่ยืด fullness ช่วงบ่าหลังมีบทบาทมาก ๆ ที่ทำให้การเอื้อมแขนพาดไปอีกข้าง (เช่นการกอดอก) สามารถทำได้แบบสบาย ๆ แต่สำหรับผ้าที่ยืดตัวได้เล็กน้อย ต่อให้ยืดแขนจน fullness มันหมดแล้ว ก็ยังเอื้อมต่อได้ และสัมผัสได้เลยว่าผ้ายืดมันกำลังทำงานผ่านสะบักไปจนถึงตะเข็บกลางหลัง แจ็คเก็ตตัวนี้จึงเป็นแจ็คเก็ตที่สวมใส่แล้วยังขยับร่างกายได้แบบแทบไม่มีข้อจำกัดเลย
มันมาพอเหมาะพอดีกับอารมณ์รวม ๆ ของสูทที่ไม่ใช่สูททางการมาก เราไม่ได้ใส่มันยืนหล่อ ๆ เฉย ๆ ถ่ายรูปแล้วจบแน่นอน เราต้องใส่ไปนู่นไปนี่ ทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันที่สูทแจ็คเก็ตทั่ว ๆ ไปอาจจะเกิดข้อจำกัดขึ้น
อีกอย่างคือคงไม่มีใครกล้าบอกว่าผ้า corduroy เป็นผ้าที่หนาและอาจเกิดความรู้สึกอึดอัดในการสวมใส่มากกว่าผ้าทั่ว ๆ ไป ใช่ครับ ความเป็นผ้ายืดของมันก็มาลดทอนความรู้สึกนี้ให้ลดน้อยถอยลงไปอีกเช่นกัน
ผมยกเครดิตประสบการณ์ครั้งนี้ให้พี่คิมเลย เพราะถ้าผมเป็นคนจิ้มผ้าเอง ผมก็คงโดนอคติของความชอบผ้าใยธรรมชาติมาบดบังการตัดสินใจจนไม่ได้ลองอะไรแบบนี้
ผมได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ เสมอจากการได้ลองใช้สูทตัวใหม่ ๆ และหลายครั้งในโลกสมัยใหม่แห่งการสร้าง “ความเป็นตัวของตัวเอง”, ความไม่เป็นตัวเอง 100% ก็ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ได้มากกว่า
ใครสนใจสูท 14 Wale Corduroy จากผ้าของ Huddersfield Fine Worsteds เล่ม Comfort Zone ติดต่อ Jin Tonic ที่ IG: jintonic.store ได้เลยครับบ (ราคา full suit 30,000 บาท)
11 - 2
Crockett & Jones Ari เป็นรองเท้ารุ่นที่เราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วย แต่ก็อดแอบภูมิใจแทนผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ได้จริง ๆ 5555
Ari เป็นรองเท้าที่ถูกทำขึ้นมาโดย shoemaker จากอังกฤษ แต่สเป็คเอาใจคนไทย ซึ่งความใส่สบายมักมาเป็นคำถามแรก ๆ เสมอที่ผู้สนใจรองเท้าคู่หนึ่ง ๆ ถามจากผู้มีประสบการณ์การสวมใส่
Ari จึงเป็นรองเท้าที่ทำจาก Milled Calf เป็นหนังที่ผ่านการ drumming ในขั้นตอนการฟอกหนังอย่างหนักหน่วง จนได้สัมผัสที่นุ่มมือมาก ๆ และมีลวดลาย grain เล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติจากกระบวนการที่ทำให้หนังนิ่มนี้ ไม่ได้เกิดจากการปั๊ม-พิมพ์ใด ๆ ลงไป
นอกจากมี upper นิ่ม ๆ จนมันเป็นรองเท้ามีซับในที่นิ่มจนเหมือนเป็นรองเท้า unlined แล้ว มันยังประกอบสร้างขึ้นบนพื้นนอกที่เรียกว่า Superflex Sole คือพื้นหนังนี่แหละ แต่มีความอ่อนตัวตั้งแต่แรก
Last ที่ใช้ก็เป็น last สำหรับ loafer รุ่นใหม่ของแบรนด์เลย ทำให้ฟิตช่วงส้นเท้ามันดีมาก ๆ อย่างรู้สึกได้จริง ๆ
ที่เขียนมาคือ rational approach ล้วน ๆ ผมไม่อยากอีโมมากเพราะจะดูเว่อ 55555 แต่มันคือรองเท้าหนังซับในเต็มที่แทบจะไม่มีช่วง break in เลยจริง ๆ และผมสวมใส่แล้ว ไม่มีวี่แววว่าจะถูกมันกัดเลย ทั้งที่เดินเยอะมาก อยากให้ทุกคนได้ไปลองสวมดูจริง ๆ ครับ
________________
ทุกคนคงสังเกตว่าผมไม่ค่อยลงภาพ “ของ” เปล่า ๆ (ในไอจี) แต่อันนี้คืออยากลงจริง ๆ 😝
แอบเม้าเล็กน้อย วันที่ไปรับน้อง ผมใส่ Alden 563 ไป พอผมไปลองไซส์ Ari ตอนแรกลองจากไซส์ใหญ่กว่าเท้าแล้วไล่ลงมา ลอง ๆ ไปผมเริ่มเจ็บนิ้วก้อยครับ ตอนแรกก็ลังเล ๆ ว่าทำไมเจ็บ จนนึกขึ้นได้ว่าอ๋อ ใส่ Alden 563 มา ตอนแรกนิ้วก้อยมันน่าจะชาอยู่ พอถอดออกมาลอง Ari สักพักมันถึงเริ่มรู้สึก 😑 สรุป Ari ไม่เกี่ยวครับ Alden 563 tassel moccasin shell cordovan colour 8 (ชื่อยาวจัด) เจ้าเก่านี่เอง แต่ถามว่าโดนสวบทุกครั้งที่ใส่แบบนี้แล้วยังรักมันอยู่มั้ย ก็ยังรักมันเสมอ ❤️🔥
11 - 0
ตามที่คุยกันในคลิปล่าสุด อันนี้เป็นผลงานของ Katia Sartoria ที่เป็นการตัดสูทแบบไม่มี fitting ซึ่งจะใช้เวลาตัดเพียง 2 เดือนก็ได้สวมใส่เลย แม้ว่าผมจะไม่แนะนำ แต่ถ้าใครรีบใช้จริง ๆ ก็เป็นทางเลือกหนึ่งครับ
ใครยังไม่ได้ดูคลิปล่าสุด อย่าลืมไปรับชมกันครับ
Katia Sartoria กับมุมมองและขั้นตอนการตัดสูทตัวแรก | art_woek
https://youtu.be/rFJFThcUj3M
11 - 0
แชร์แนวทาง-ความคิดต่อ Classic Style การแต่งกายที่เต็มไปด้วยความครุ่นคิด ประวัติศาสตร์ การวางแผนและลงทุน รวมถึงศาสตร์และศิลป์อีกมากมายที่ทำให้มันเป็นเครื่องแต่งกายที่ไม่เคยล้าสมัยไปตามกระแสธารของกาลเวลา