Channel Avatar

แป๋งเคลียร์บอล (PangClearBall) @UCXfC2lqiUkVOff1eV8y_21A@youtube.com

38K subscribers - no pronouns :c

📍สมัครสมาชิกช่อง กดที่ลิงค์นี้ youtube.com/@pangclearball/j


Welcoem to posts!!

in the future - u will be able to do some more stuff here,,,!! like pat catgirl- i mean um yeah... for now u can only see others's posts :c

แป๋งเคลียร์บอล (PangClearBall)
Posted 2 weeks ago

โอมาร์ มาร์มูช กับเส้นทางชีวิตขัดใจพ่อ >> https://youtu.be/AvCQZERe_o8 <<

แฟนๆของทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ น่าจะเป็นแฟนบอลที่ตื่นเต้นกับตลาดซื้อขายในหน้าหนาวนี้มากที่สุดแล้วละครับ เพราะว่า โอมาร์ มาร์มูช ก็เป็นรายที่ 3 แล้วที่ได้ทำการเปิดตัวไป แถมมีแว่วๆมาว่า อาจจะมีตัวที่ 4 ด้วยเช่นกัน

สำหรับเรื่องราวของนักเตะชาวแอฟริกันหลายคน ส่วนมากแล้วมันจะเป็นเรื่องราวของความยากลำบาก ต่อสู้กับความยากจน ก่อนที่จะได้กลายมาเป็นคนมีชื่อเสียง แต่ว่าเรื่องราวของโอมาร์ มาร์มูช มันไม่ใช่เรื่องราวของการต่อสู้กับความยากจนเลย แต่เป็นเรื่องราวของความมุ่งมั่น ถึงแม้ว่าเค้าจะได้รับสิทธิพิเศษมากมายจากการเป็นลูกคนรวย สามารถเข้าถึงสิ่งอำนวจความสะดวกทุกอย่างเท่าที่คนนึงนั้นต้องการ ซึ่งมันทำให้มาร์มูชนั้นต้องต่อสู้กับความต้องการของคุณพ่ออย่างรุนแรง

โอมาร์ คาลิด โมฮัมเหม็ด อับเดล ซาลาม มาร์มูช เค้าเกิดในเมืองไคโร ประเทศอียิปต์ แต่ว่าตัวของเค้านั้นมีสัญชาติแคนาดาด้วย เพราะว่าทางคุณพ่อคุณแม่ของมาร์มูช พวกเค้าอาศัยอยู่ที่ประเทศแคนาดามาก่อนที่มาร์มูชจะเกิด คุณพ่อเอ็ง คาลิด เค้าทำงานเป็นวิศวกรอยู่ที่ประเทศแคนาดา มาเป็นเวลา 4 ปี จนได้เป็นพลเมืองของแคนาดา และพอทำงานครบ 6 ปี เค้าจึงได้ตัดสินใจเดินทางกลับอียิปต์

คุณพ่อเอ็ง คาลิด เค้าเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในเรื่องของการศึกษามากๆ เป็นวิศวกรที่ประสบความสำเร็จมากๆคนนึงในอียิปต์ และเค้าก็หวังว่าลูกชายของเค้านั้นจะสามารถเดินตามรอยเท้าของเค้าได้ เค้าจึงส่งมาร์มูชไปเรียนที่โรงเรียนนานาชาติอเมริกัน เพื่อให้ลูกชายเค้านั้นสามารถฟัง พูด อ่าน เขียน ภาษาอังกฤษ ได้ แต่ว่าเรื่องเรียนมันกลับไม่ใช่จุดแข็งของมาร์มูชเลย คุณพ่ออาจจะประสบความสำเร็จ แต่สำหรับมาร์มูชมันเป็นเรื่องที่ยากมากๆ

จนทางคุณพ่อเอ็ง คาลิด เค้าก็เห็นว่าผลการเรียนของมาร์มูชนั้นแย่ลงเรื่อยๆ เค้าจึงค่อยๆสืบหาความจริงว่ามันเป็นเพราะอะไรกันแน่ ก่อนที่จะพบว่า มาร์มูช นั้น เอาเวลาเรียนไปฝึกซ้อมฟุตบอล คุณพ่อคาลิด จึงได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่า การเรียนต้องมาเป็นอันดับที่1 ถ้าเรียนดี จะเตะบอลเค้าก้ไม่เคยว่า แต่ถ้าเตะบอลแล้วทำให้ผลการเรียนมันตกลงแบบนี้ เค้าจึงได้บอกกับมาร์มูชไปว่า หลังจากนี้ "ไม่มีฟุตบอลอีกต่อไป"

ถึงแม้ว่าคุณพ่อเอ็ง คาลิด จะมีเจตนาที่ดี แต่การที่เค้าพยายามกำหนดเส้นทางของลูกชายเค้าทุกอย่าง มันเลยความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูก มันจึงต้องแตกหักลง โอมาร์ มาร์มูช ต้องตัดสินใจเลือกระหว่างความคาดหวังของคุณพ่อ กับ ความฝันของตัวเอง คุณพ่อที่ต้องการให้ทิ้งฟุตบอลและทุ่มเทให้กับการศึกษา แต่มาร์มูชต้องการจะทิ้งเรื่องของการศึกษา และอุทิศตัวเองให้กับฟุตบอลอย่างเต็มที่

โอมาร์ มาร์มูช ก็พยายามอธิบายให้คุณพ่อฟังว่าความฝันของเค้านั้นคืออะไร แต่สำหรับคุณพ่อเอ็ง คาลิดแล้ว การศึกษาเป็นสิ่งที่ไม่สามารถต่อรองได้ เพราะมันคือรากฐานของความสำเร็จ และความมั่นคง ถึงแม้ว่าคุณพ่อเอ็ง คาลิด จะมีเจตนาที่ดี แต่การที่เค้าพยายามกำหนดเส้นทางของลูกชายเค้าทุกอย่าง มันเลยความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูก มันจึงต้องแตกหักลง

โอมาร์ มาร์มูช พยายามดิ้นรนอย่างหนักเพื่อให้หลุดพ้นจากโซ่ที่คุณพ่อเค้าได้ล็อคเอาไว้ ส่วนทางคุณพ่อเองก็อยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากไม่ตางกัน เมื่อเค้าต้องเห็นว่าลูกชายของเค้านั้นกำลังทำลายความเชื่อ และความคาดหวังของเค้าทิ้งไปจนหมดสิ้น จนทำให้สโมสรวาดี เดกลา ที่โอมาร์ มาร์มูช กำลังเล่นอยู่ในทีมเยาวชนนั้น ก็ได้เข้ามาช่วยเหลือในที่สุด

ติดตามรับฟังเรื่องราวของโอมาร์ มาร์มูช ได้ที่ลิงค์นี้ได้เลยนะครับ >> https://youtu.be/AvCQZERe_o8 <<

353 - 11

แป๋งเคลียร์บอล (PangClearBall)
Posted 1 month ago

ก่อนอื่นเลย อยากจะกล่าวคำว่า Happy New Year 2025 กับเพื่อนๆทุกคนนะครับ

และผมต้องขอ #ขอบคุณ ทุกๆคนจากใจจริงสำหรับปี 2024 ที่ผ่านมา เพราะว่าจากเดิมที่ผมได้เริ่มทำช่อง #แป๋งเคลียร์บอล ช่องนี้ขึ้นมา ก็แค่อยากจะหาอะไรทำสนุกๆ ขำๆ ไม่เคยมองเห็นภาพตัวเองที่ต้องมานั่งพูดออกไมค์ ไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนที่พูดแล้วจะมีคนฟัง หรือ คนชอบอะไรมากมาย ถึงแม้ว่าจะเป็นคนที่โคตรบ้าบอลมากๆคนนึงก็เถอะ

จนแฟนผมได้เสนอไอเดียขึ้นมาว่า ถ้าจะมีชีวิตอยู่กับฟุตบอลมากขนาดนี้ ทำไมถึงไม่ลองทำช่อง YouTube ดูไปเลยละ ก็เลยมานั่งคิดๆ ว่าเราจะทำอะไรดี เพราะถ้าจะทำจริงๆ ส่วนตัวแล้วผมก็ไม่ชอบมานั่งเห็นคอมเมนต์ Toxic ที่ให้คนมาแขวะกัน มาทะเลาะกัน ดังนั้นผมก็เลยเกิดไอเดียว่า ถ้าอย่างนั้นผมจะลองทำช่องเล่นๆ โดยพยายามจะไม่เจาะจงไปที่ทีมไหนมากเกินไปเป็นพิเศษ เพราะผมคิดว่าน่าจะลดการทะเลาะกันได้ หรือ แม้แต่การถูกต่อว่ามาที่ตัวผมโดยตรงเองก็เหมือนกัน ซึ่งแน่นอนว่ามันมี และผมก็ไม่มีปัญหาถ้าหากว่าคำต่อว่านั้น มันเป็นความผิดของผมจริงๆ อย่างเช่น พูดผิด พูดไม่ชัด หรือ ข้อมูลที่หามามันผิด ก็จะนำไปปรับปรุงตัว แก้ไข และพัฒนาให้ดีขึ้น และที่ผ่านมาก็ ขอบคุณทุกๆคน มาก ที่ทำให้ผมเจอคอมเมนต์แย่ๆ น้อยมากๆ

มีหลายคนถามว่า ทำไมถึงไม่เปิดหน้าและเล่าให้ฟังเหมือนกับช่องอื่นๆ ผมต้องบอกว่า ด้วยข้อจำกัดหลายๆอย่าง มันเลยทำให้ผมยังไม่สะดวก โดยเฉพาะเรื่องของการตัดต่อ และรวมถึงการที่ผมนั้นไม่มีทีมงานด้วย ผมทำเองทุกอย่างตั้งแต่ อ่านและมาสรุป เรียบเรียง ให้เข้าใจได้ง่ายที่สุด ลงเสียง และการวางรูป แต่ในอนาคตถ้าอะไรหลายๆอย่างมันลงตัวมากขึ้น และคิดว่าตัวเองนั้นพูดเก่งมากขึ้น ผมจะค่อยๆลองทำอะไรใหม่ๆดูบ้างนะครับ

ในฐานะแฟนลิเวอร์พูลแล้ว ปี 2024 มันเป็นปีที่มีความหลากหลายทางอารมณ์มากๆ ไล่ตั้งแต่การประกาศลาออกของ เยอร์เก้น คล็อปป์ แบบช็อคทุกคนในโลก, ได้แชมป์คาราบาว คัพ, ยิ้มและร้องไห้ ในวันอำลา, ความไม่แน่นอนของเฮดโค้ชคนใหม่ อย่าง อาร์เน่อ สล็อต ที่คิดว่า ไม่น่าจะหวังอะไรได้มากเท่าไร แต่กลายเป็นว่า ครึ่งฤดูกาลผ่านไป โคตรมีความสุขกับการดูฟุตบอลเลย ก็หวังว่าฤดูกาลนี้ พวกเราแฟนลิเวอร์พูลนั้นจะสมหวังกับแชมป์พรีเมียร์ลีกกันนะครับ หลังจากที่ฤดูกาล 2019/20 ที่สามารถยุติฝันร้ายได้สำเร็จ แต่มันกลับไม่มีงานฉลอง ภาพที่พวกเราทุกคนอยากเห็น มันเลยไม่ได้เกิดขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าส่วนตัวแล้ว ผมยังรู้สึกค้างคาอยู่มากๆ และที่สำคัญเราจะได้กลับไปเป็นแชมป์ลีกสูงสุดเท่ากับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วย!!

ส่วนแฟนแมนฯ ยูฯ ทุกคน ผมโคตรเข้าใจว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ดูบอลไม่สนุกโคตรๆ เพราะผมก็เคยผ่านช่วงเวลานั้นมาแล้ว นักเตะหลายคนที่ชื่อเสียงดีกว่าฝีเท้า แต่เชื่อผมเถอะ ว่าแมนฯ ยูฯ เป็นทีมเดียวในโลก ที่สามารถกลับมาจากช่วงเวลาของความตกต่ำได้ง่ายที่สุดแล้ว ด้วยเงินที่ทีมรักของพวกคุณมี(อย่างมหาศาล) ถ้ามีการบริหารงานที่ถูกต้องเมื่อไหร่ พวกคุณสามารถกลับมาได้อยู่แล้ว ไม่เหมือนกับลิเวอร์พูลที่ต้องมาเคลียร์หนี้ตัวแดง จนเกือบถูกเข้าควบคุมกิจการ และถูกปรับตกชั้น อดทนครับ ทุกทีมจะมีวงจรความสำเร็จอยู่ เดี๋ยวสักวันทีมของพวกคุณก็จะกลับมาได้

แฟนอาร์เซนอล ไม่มีอะไรจะพูดนอกจากว่า อย่าไปเครียด อีกไม่นานอาร์เตต้า น่าจะพาทีมคว้าแชมป์ได้เอง

แฟนเชลซี หลังจากที่เสี่ยหมีขายสโมสรไป แนวทางการทำทีมก็เปลี่ยนไปหมดเลย อาจจะคุ้นเคยกับความสำเร็จมาเกือบ 20 ปี แต่ตอนนี้ นักเตะในทีมเป็นนักเตะดาวรุ่งทั้งหมด ต้องรอพวกเค้าเติบโต อีก 2-3 ปี นักเตะดาวรุ่งพวกนี้จะกลายมาเป็นคนสำคัญของทีมและจะพาทีมได้ลุ้นแชมป์แน่ๆ

แฟนแมนฯ ซิตี้ ปีนี้อาจจะเป็นปีที่ยากลำบาก แต่มันก็แค่ปีเดียวครับ มันไม่มีใครสงสัยในความสามารถของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า อยู่แล้ว จริงมั้ย? อาจจะแค่ต้องลุ้นว่า การตัดสิน 115 คดี มันจะออกมาเบาหรือร้ายแรงมากแค่ไหนเท่านั้นเอง

แฟนนิวคาสเซิ่ล และ แฟนสเปอร์ สิ่งที่ผมอยากจะบอกก็คือถ้าลิเวอร์พูลไม่ได้แชมป์คาราบาว คัพ ในฤดูกาลนี้ พวกคุณคือ 2 ทีมที่ผมอยากให้ได้แชมป์มากที่สุด

ส่วนแฟนบอลทีมอื่น หรือ ลีกอื่นๆ ไม่ว่าจะเชียร์ทีมอะไรก็ตาม ผมขอให้เป็นปีที่สมหวังนะครับ ถึงแม้ว่าทีมที่จะเป็นแชมป์ได้ มันจะมีแค่ทีมเดียว และคงไม่มีทางสมหวังได้ทุกคนก็ตาม แต่อย่างน้อยก็ขอให้ฟอร์มการเล่นมันไม่แย่ จะได้ดูบอลได้สนุกๆ

ขอให้ปี 2025 เป็นปีที่ดีสำหรับทุกคนนะครับ

129 - 11

แป๋งเคลียร์บอล (PangClearBall)
Posted 2 months ago

"ดิเอโก มาราโดนา" EP6 เมื่อกษัตริย์แห่งเนเปิลส์ เข้าร่วมแก๊งมาเฟีย >> https://youtu.be/k3jUJkFsKTU <<

ที่เมืองเนเปิ้ลส์ มันได้มีกลุ่มมาเฟียกลุ่มนึงที่ชื่อว่า The Camorra

อิทธิพลของพวกเค้านั้นสามารถปกครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองได้ ซึ่งการเข้ามามีส่วนร่วมของ แก๊งมาเฟี้ย ของตระกูล Camorra เนี่ยแหละครับ ที่มันค่อยๆพัฒนาความสัมพันธ์กับมาราโดนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ในครั้งนี้ครับ เพราะตลอด 6 ปีที่มาราโดนาอยู่กับนาโปลี เค้ามีอิทธิพลมากขึ้นเรื่อยๆ แก๊งมาเฟีย The Camorra ก็เช่นกัน พวกเค้าใช้ประโยชน์ของมาราโดนา เพื่อทำให้แก๊งตัวเองมีความเข้มแข็ง และมีอิทธิพลมากขึ้น

จนสุดท้ายมันเกิดการแย่งตัวกันของมาราโดนา โดนที่มาเฟียแต่ละแก๊งก็อยาจะได้ตัวของมาราโดนาเข้าไปอยู่ด้วย มันเหมือนกับการซื้อขายเลยครับ แก๊งมาเฟีย 2-3 แก๊งต่างเดินทางมาถึงสนามซ้อมของนาโปลี และก็พูดคุย ยื่นข้อเสนอมากมายให้ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง เหล้า บุหรี่ ยาเสพติด และแม้แต่ผู้หญิง นอกจาก Camorra แล้วก็จะมี แก๊ง Giuliano แต่สุดท้ายแล้วมาราโดนาก็เลือกที่จะอยู่กับ Camorra โดยจากคำพูดของมาราโดนาที่เค้าได้พูดเอาไว้ในปี 1995 เค้าได้บอกว่า เค้าเลือกที่จะไปงานปาร์ตี้ของ Camorra มันก็เป็นเพราะว่าเค้าไปแล้วมันมีความสุขมากกว่าก็แค่นั้นเอง

ที่บาร์เซโลน่า มาราโดนาได้รับการปฏิบัติตัวราวกับว่าเค้าคือคนชนชั้นต่ำ ที่ถูกปฏิเสธจากกลุ่มคนชนชั้นสูง แต่ที่นาโปลีแล้วเค้าเหมือนเป็นกษัตริย์ ไม่มีส่วนไหนของเมืองที่เค้าไม่สามารถไปได้ ผู้คนในเมืองก็พร้อมสนองทุกความต้องการของเค้า ผู้หญิงนี่ สามารถเลือกได้ไม่ต่างกับเมนูในร้านอาหารเลย อยากกินอะไร อยากกินคนไหน จิ้มได้เลย จนทำให้ภรรยาของเค้า คลอเดีย วิลลาฟาน เริ่มรับกับพฤติกรรมไม่ได้ เธอจึงได้ตัดสินใจเดินทงกลับไปอยู่ที่อาร์เจนติน่า

และพอเข้าไปคลุกคลีกับแก๊งมาเฟียมากขึ้น สุดท้ายแล้วมาราโดนา ก็เริ่มกลายเป็นส่วนนึงมากเข้าไปทุกที ก่อนที่เค้าจะตัดสินใจไล่ ฆอร์เก้ ไซเตอร์สปิลเลอร์ ออกจากการเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเค้า และแต่งตั้งให้ กิลเลอร์โม่ คอปโปลา เข้ามารับหน้าที่แทน ซึ่งแน่นอนว่า ฆอร์เก้ ไซเตอร์สปิลเลอร์ รู้สึกว่าเค้าถูกทรยศ หักหลัง เนเปิ้ลได้กลืนมาราโดนาเข้าไปแล้ว ตอนนี้เค้าสูญเสียการมองเห็น มันไม่ใช่แค่ว่าเค้าไม่รู้ว่าใครคือเพื่อนแท้ของเค้า แต่ตอนนี้เค้าลืมแม้กระทั่งตัวเค้าเองคือใครด้วย

ติดตามเรื่องราวเต็มๆของ มาราโดน่าได้ที่ลิงค์นี้เลย

>> www.youtube.com/playlist?list... <<

10 - 0

แป๋งเคลียร์บอล (PangClearBall)
Posted 2 months ago

"ดิเอโก มาราโดนา" EP6 เมื่อกษัตริย์แห่งเนเปิลส์ เข้าร่วมแก๊งมาเฟีย >> https://youtu.be/k3jUJkFsKTU <<

เมืองเนเปิ้ลส์ เป็นเมืองที่แปลกมากครับ พวกเค้าคลั่งไคล้ฟุตบอล แต่ไม่เคยประสบความสำเร็จ
เป็นเมืองที่หลอมรวมมนุษยชาติเข้าด้วยกัน แต่ก็มีความลึกลับและเต็มไปด้วยความแปลกแยก
เป็นเมืองที่ซานเจนาโร บิชอป เคยพลีชีพ เมื่อ 1,700 ปีก่อน เพื่อเป็นการบูชาความเชื่อของผู้คน ณ เวลานั้น และก็มีการเคารพบูชาพระแม่มารี แต่บ้านเมืองมันกลับเต็มไปด้วยยาเสพติด

การมาของมาราโดนาเนี่ยครับ ถึงแม้ว่าสำหรับผู้คนชาวเมืองเนเปิ้ลส์ จะให้ความเคารพมาราโดนามากๆ แต่สำหรับชาวคาตาลันแล้ว มาราโดนาไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้น มาราโดนาไม่เคยพิสูจน์ให้เห็นได้เลยว่าเค้าคือนักเตะระดับโลก มาราโดนายังห่างไกลจากคำว่าไร้ที่ติ และแน่นอนว่าสำหรับชาวคาตาลันแล้วเค้าเทียบ โยฮัน ครัฟฟ์ ไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว แต่สำหรับชาวเนเปิ้ลส์แล้ว มันเหมือนกับว่ามาราโดนาเกิดมาเพื่อพวกเค้า เป็นนักเตะระดับโลก แต่กลับเติบโตมาจากครอบครัวที่ยากจน มีแม่ที่มีเชื้อสายอิตาเลี่ยน ไม่ต่างอะไรกับผู้คนในเมืองเนเปิ้ลส์เลย

มาราโดนาในวัย 24 ปี เปิดตัวด้วยการสวเสื้อกีขาว กางเกงวอร์มมีฟ้า ตามสีของสโมสรนาโปลี และแฟนบอลมากกว่า 70,000 คน ในสนาม ได้ส่งเสียงร้องออกมาดังมากจนสนามแทบแตก ประธานสโมสร คอร์ราโด้ เฟอร์ไลโน่ ได้เข้ามาอยู่ในสนามในวันเปิดตัวด้วย

แต่จริงๆแล้วก่อนที่จะเป็นทางนาโปลี อินเตอร์ มิลาน ก็เป็นอีกทีมนึงที่ได้มาพูดคุยกับมาราโดนาอย่างลับๆ และเกือบจะได้ตัวไปร่วมทีมอยู่แล้ว เอกสารมันถูกส่งไปที่สำนักงานแล้ว ว่าพวกเค้าจะขอลงทะเบียนนักเตะต่างชาติ 3 คนในฤดูกาลนี้ ซื้อมันก็มีชื่อของดิเอโก้ มาราโดนาด้วย แต่ว่าคอร์ราโด้ เฟอร์ไลโน่ เค้ารู้เรื่องนี้ เค้าจึงได้ใช้เส้นสายของเค้าที่มีอยู่ จ่ายเงินใต้โต๊ะให้กับคนๆนึงในสำนักงานของหน่วยงานฟุตบอลอิตาลี ซึ่งเป็นเรื่องปกติของอิตาลีในช่วงเวลานั้น เพื่อให้ดึงเอกสารของอินเตอร์ มิลาน ออกมา

นั่นก็หมายความว่า มันไม่ใช่ว่าการย้ายไปร่วมทีมอินเตอร์ มิลาน มันไม่สำเร็จ แต่มันเหมือนกับว่าไม่เคยเกิดขึ้นจริงเลยด้วยซ้ำ

ติดตามเรื่องราวเต็มๆของ มาราโดน่าได้ที่ลิงค์นี้เลย
>> www.youtube.com/playlist?list... <<

17 - 0

แป๋งเคลียร์บอล (PangClearBall)
Posted 2 months ago

"ดิเอโก มาราโดนา" EP5 แมตซ์อัปยศ จลาจลกับบิลเบา เข่าเน้นๆดอกเดียว KO >> https://youtu.be/5QBo3Mh25Qg <<

วันที่ 24 กันยายน 1983 บาร์เซโลน่าจะต้องเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ แอธเลติก บิลเบา ซึ่งเป็นแชมป์เก่าของลีก แต่บาร์เซโลน่า ก็ยังเริ่มต้นเกมนี้ได้ดีมากๆ ในครึ่งแรกถึงแม้ว่านักเตะของบิลเบาจะพยายามเตะอัด เสียบสกัดอย่างรุนแรง มากแค่ไหนก็ตาม แต่นักเตะของบาร์เซโลน่าทุกคนก็ยังสามารถเอาตัวรอดไปได้ ก่อนที่จะจบครึ่งแรกด้วยการออกนำไปก่อนถึง 2-0

แต่ครึ่งหลังความหายนะ มันก็ได้มาเยือนแล้ว ในนาทีที่ 57 มาราโดนาที่กำลังเลี้ยงบอลแหวกผ่านผู้เล่นของบิลเบาตรงบริเวณกลางสนามก่อนที่เค้าจะถูก อันโดนี่ กอยโคเชีย พุ่งเข้าเสียบจากทางด้านหลัง โดนที่ปุ่มสตั๊ด มันพุ่งเข้าไปตรงบริเวณข้อเท้าจนพับลงมาเป็นรูปตัว L เลย ก่อนที่มาราโดนา จะตะโกนร้องลั่นสนามว่า มันหักแล้ว การเสียบครั้งนี้ มันถือว่าเป็นการทำฟาวล์ที่ติดอันดับ Topๆ ของฟุตบอลสเปนมาจนถึงในปัจจุบันนี้ด้วย

เมนอตติ เฮดโค้ชของบาร์เซโลน่า ก็ได้ออกมาด่านักเตะบิลเบาแหลกเลยว่า เป็นพวกที่เล่นฟุตบอลสกปรก คือ แอธเลติก บิลเบา ในช่วงเวลานั้นเนี่ยครับ พวกเค้าเป็นทีมที่เล่นบอลหนักอยู่แล้ว แต่ว่าการเสียบของ กอยโคเชีย ในครั้งนี้มันหนักเกินไป มันหนักเกินกว่ามาตราฐานของบิลเบาด้วย

และเมนอตติ ก็ได้เรียกร้องให้สหพันธ์ฟุตบอลสเปนลงโทษแบนกอยโคเชียตลอดชีวิต แต่สุดท้ายกอยโคเชียที่ได้รับแค่ใบเหลืองก่อนที่เค้าจะถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนาม ก็ได้รับโทษแบนทั้งหมด 10 นัด ไม่ใช่ตลอดชีวิตตามที่เมนอตติเค้าเรียกร้อง และจากเหตุการณ์ในครั้งนี้แหละครับ ที่มันได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของความเคียดแค้น

มาราโดนาต้องเข้ารับการผ่าตัดบริเวณข้อเท้าที่บาดเจ็บและจะต้องพลาดลงเล่นสามเดือน

ก่อนที่ในเกมนัดชิงชนะเลิศโกปา เดล เรย์ ที่แอธเลติก บิลเบา ต้องกลับมาเจอกับบาร์เซโลน่าอีกครั้งนึงที่สนามซานดิเอโก้ เบร์นาเบว ในช่วงเดือนพฤษภาคม 1984 และในนาทีที่ 14 เอ็นดิกา จะยิงประตูให้ แอธเลติก บิลเบาขึ้นนำไปก่อน 1-0

บาร์เซโลน่า ก็พยายามไล่ตีเสมอให้ได้อย่างสุดความสามารถ แต่สุดท้ายแล้วเค้าก็ทำไม่สำเร็จ แฟนบอลบิลเบา ก็รื้อรั่วเหล็กออก พยายามจะปีนกันลงมาในสนาม นักเตะตัวสำรองและบรรดาทีมงานสตาฟฟ์ของบิลเบา ก็วิ่งดีในกรูกันลงมาเช่นกัน

แต่อีกมุมนึงของสนาม มาราโดนา กำลังประจันหน้ากับโฆเซ่ มาเรีย นูเญซ โดยเอาหน้าผากชนกันอยู่ เค้าแค้นที่เค้าโดนเสียบจนต้องได้รับบาดเจ็บยาว เค้าตั้งหน้าตั้งตารอคอยที่จะล้างแค้น แต่กลายเป็นว่าเค้าถูกย้ำแค้นซะเอง และมาราโดนาก็ปล่อยให้ความโกรธครอบงำ ก่อนที่ความโกรธมันจะถูกปลดปล่อยออกมา โดยที่เหยื่อรายแรกของมาราโดนา ก็คือ มิเกล อังเคล โซล่า ที่วิ่งลงมาในสนามเพื่อดีใจกับเพื่อร่วมทีม แต่เค้ากลับวิ่งผ่านหน้าของมาราโดนา ก่อนที่จะสบัดมือเป็นท่าทางว่าให้ออกจากสนามไปซะ อารมณ์ประมาณสบัดมือและบอกว่าชิ่วๆ อะไรประมาณนั้น แถมยังมีการตะโกนใส่มาราโดนาอีกว่า ไปตายซะ มาราโดนาที่ของขึ้นอยู่แล้ว ควมคุมตัวเองแทบจะไมไ่ด้แล้ว พอเจอแบบนี้ ฟางอารมณ์เส้นสุดท้ายมันฉีกขาดออกทันที

โซล่าถูกมาราโดนาเอาหัวโขกใส่และทุ่มลงพื้น ก่อนที่จะกระโดดแทงเข่าใส่เต็มหน้า ดอกเดียว โซล่าน็อคหมดสติ KO โดยที่มีฉากหลัง Background เป็นการกอดกัน ฉลองดีใจของนักเตะบิลเบาที่สามารถคว้าแชมป์ได้ มาราโดนาวิ่งไล่เตะทุกสิ่งทุกอย่างที่เค้าเห็น อะไรก็ได้ขอแค่เป็นคนที่ใส่ชุดสีแดงขาวโดนหมด โดนเค้าเตะบ้าง เตะเค้าคืนบ้าง

แบรนด์ ชูสเตอร์ เองก็เข้ามามีส่วนร่วมกับการทะเลาะนี้ด้วยเช่นกัน แฟนบอลทั้ง 2 ทีม ก็ต่างเหยียบย่ำรั้ว ปีนกันออกมาเพื่อหวังว่าจะได้มีโอกาสเข้าร่วมประลองฝีมือ ทั้ง 2 ฝ่ายต้องการจะแสดงให้เห็นว่า มวย หรือ กังฟู ของแคว้นบาสก์ กับ แคว้นคาตาลัน มันก็ไม่ได้ห่วยนะเว้ย และมันก็ส่งผลทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 60 ราย

ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้ามาระงับเหตุการณ์และพาตัวนักเตะบาร์เซโลน่าทุกคนออกจาสนามไป และแน่นอนว่าเกมนี้มันคือเกมนัดสุดท้ายของมาราโดนาในสีเสื้อบาร์เซโลน่าด้วย

ติดตามเรื่องราวเต็มๆของ มาราโดน่าได้ที่ลิงค์นี้เลย
>> www.youtube.com/playlist?list... <<

21 - 0

แป๋งเคลียร์บอล (PangClearBall)
Posted 2 months ago

"ดิเอโก มาราโดนา" EP4 บาร์เซโลน่าคือความก้าวหน้า และ ยาเสพติด >> https://youtu.be/d-y93ca8FLg <<

ชีวิตนอกสนามของมาราโดนา ก็ถือว่าเป็นช่วงขาขึ้น ไซเตอร์สปิลเลอร์ ได้วางแผนหาเงิน หาสปอนเซอร์ ให้มาราโดนาแบบไม่หยุดหย่อน มีการถ่ายทำฟุตเทจติดตามชีวิตของมาราโดนาตั้งแต่อยู่ที่อาร์เจนติน่า จนมาถึงช่วงเวลาก่อนที่จะย้ายมาอยู่ที่สเปน ซึ่งฟุตเทจเก่าสมัยอยู่ที่อาร์เจนติน่า อันนี้เค้ามองว่า ไซเตอร์สปิลเลอร์ ได้ทำการลักลอบออกมาจากอาร์เจนติน่า แต่เค้าไม่ได้ลงรายละเอียดเพิ่มเติมว่าไปเอาออกมายังไง และมาผสมกับฟุตเทจเพิ่มเติมที่ถ่ายทำโดยทีมงานของเค้าเอง รวมแล้วเป็นวีดีโอ ความยาว 70 นาที มันถูกแปลออกมาเป็น 12 ภาษา และวางจำหน่ายออกไปทั่วโลก มีต้นทุนในการผลิตสูงกว่า 1 ล้านดอลลาร์

รวมถึงการเซ็นสัญญาเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับ McDonald และ บริษัทถ่ายภาพ AGFA ด้วย เรียกว่าชีวิตนอกสนาม มาราโดนากลายเป็นเศรษฐีไปแล้วครับ แต่นั่นมันคือภาพที่มาราโดนาเค้าได้สร้างขึ้นมา

เมื่อคนๆนึงเติบโตมาจากการที่ไม่มีเงินทอง ไม่มีข้าวกิน แต่พอถึงวันนึงเค้ามีเงินมากมายจนใช้ไม่หมด หลายคนอาจจะปรับตัวได้ แต่มันก็จะมีอีกหลายคนที่หลงไปกับอบายมุข ที่บ้านของมาราโดนามันเต็มไปด้วยหนังโป๊ เหล้า บุหรี่ จัดงานปาร์ตี้บาร์บีคิว เมา ยับจนถึงเช้า มีผู้หญิงขายบริการมาเข้าร่วมด้วยเยอะไปหมด คฤหาสน์ของมาราโดนา มันกลายเป็นสถานที่เล่นเซ็กซ์หมู่ และแน่นอนมันหนีไม่พ้นเรื่องของยาเสพติด

มาราโดนาที่ได้ให้สัญญาว่าเค้าจะมาที่บาร์เซโลน่าและทุ่มสุดตัวเพื่อสโมสร แต่วันเวลาผ่านไปมันกลายเป็นว่าเค้าไม่สามารถควบคุมชีวิตของตัวเองได้

มาราโดนาได้ออกมาเปิดเผยในอีก 16 ปีต่อมา ในช่วงเดือนมกราคม ปี 1996 ว่า

"ผมเริ่มต้นเสพโคเคนครั้งแรกก็ตอนย้ายมาอยู่กับบาร์เซโลน่า ผมลองมันครั้งแรกในตอนที่ผมอายุได้ 22 ปี ตอนที่ผมย้ายมาอยู่กับบาร์เซโลน่าในปี 1982 ผมทำไปเพราะผมต้องการความรู้สึกที่มีชีวิตชีวา ในวงการฟุตบอลหรือวงการกีฬาอื่นๆ พวกเค้าก็เสพกัน มันไม่ใช่แค่ผม แต่มันมีอีกหลายคนก็เสพยาเช่นกัน"

แต่การเสพโคเคนของมาราโดนา มันรู้กันในหมู่ของเพื่อนสนิทเท่านั้น มันไม่มีใครคนนอกได้รับรู้จริงๆ 100% มันมีแต่ข้อสงสัย แต่มันก็ไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันว่ามาราโดนาเข้าร่วมการเสพด้วย นั่นคือโลกที่แท้จริง โลกที่ตัวตนของเค้าเป็นครับ

แต่กับอีกโลกนึงที่เค้าได้สร้างภาพลักษณ์ขาวสะอาดขึ้นมา มันก็คือ การเข้าร่วมรณรงค์ต่อต้านยาเสพติด ที่ทางนายกเทศมนตรีของเมืองบาร์เซโลน่าได้จ้างมาราโดนามาเพื่อขอความร่วมมือ พร้อมกับสโลแกน "จงสนุกกับชีวิต และยาเสพติดมีไว้ฆ่าคน" โดยที่กลุ่มคนดูก็ไม่ได้สงสัยเลยว่า คนที่มีร่างกายดูดี สุขภาพแข็งแรงเดินอยู่บนชายหาดในแคว้นคาตาลันที่พวกเค้าเห็นในทีวี นั่นแหละคือคนที่เสพโคเคนเป็นว่าเล่นเลย

ติดตามเรื่องราวเต็มๆของ มาราโดน่าได้ที่ลิงค์นี้เลย
>> www.youtube.com/playlist?list... <<

7 - 0

แป๋งเคลียร์บอล (PangClearBall)
Posted 2 months ago

"ดิเอโก มาราโดนา" EP4 บาร์เซโลน่าคือความก้าวหน้า และ ยาเสพติด >> https://youtu.be/d-y93ca8FLg <<

วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 1982 มันได้เกิดรัฐประหารซ้อนรัฐประหาร จากตอนแรกนายพลฆอร์เก้ ราฟาเอล วิเดล่า และ พลเรือเอก เอมิเลียโน่ เอดูอาร์โก มาซเซร่า ได้ทำการโค่นล้มรัฐบาลของอิซาเบล เปรอน แต่ตอนนี้ เป็นนายพลเลโอโปลโด กัลติเอรี ที่ได้เข้ามาทำรัฐประหารต่ออีกทีนึง แต่คราวนี้มันเป็นการทำรัฐประหารแบบที่ไม่มีการนองเลือด

หลังจากที่ยึดอำนาจได้แล้ว เค้ามีเป้าหมายใหญ่อยุ่ 2 อย่าง นั่นก็คือทำให้ฟุตบอลที่กลายเป็นกีฬายอดนิยมของอาร์เจนติน่าไปเรียบร้อยแล้ว จะประสบความสำเร็จมากขึ้นไปอีก ด้วยการเป็นกีฬาประจำชาติ และรวมถึงการทำสงครามกับประเทศอังกฤษ ด้วยการกอบกู้หมู่เกาะฟอล์กแลนด์ที่อังกฤษเป็นเจ้าของกลับมาตามคำที่พวกเค้าได้อ้างว่ามันเป็นสิทธิ์ของพวกเค้ามานานกว่า 150 ปีแล้ว

วันที่ 28 มีนาคม หรือ 5 สัปดาห์หลังจากยึดอำนาจ นายพลเลโอโปลโด กัลติเอรี ได้ส่งสัญญาณลับเพื่อบุกยึดหมู่เกาะฟอล์กแลนด์ แต่เรื่องราวของฟุตบอลเนี่ยครับ มาราโดนาได้กลับไปติดทีมชาติอีกครั้งนึง และพวกเค้าก็กำลังจะมีเกมกระชับมิตรกับทีมชาติเยอรมนี และ สหภาพโซเวียต

และในระหว่างนี้ครับ อังกฤษได้ยิงตอร์ปิโดใส่เรือลาดตระเวนรบของอาร์เจนติน่า ทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 400 นาย และแน่นอนว่ากองทัพอาร์เจนติน่า ต้องการโต้ตอบ แต่ในขณะเดียวกันมันก็เป็นช่วงเวลาที่มาราโดนาเค้าให้ไซเตอร์สปิลเลอร์ ติดต่อไปที่บาร์เซโลน่า เพื่อมองหาโอกาสการย้ายออกแล้ว เค้าเบื่อที่จะต้องมาเจอเสียงด่าจากแฟนบอลในประเทศตัวเองและเค้าต้องการย้ายออกไปอยู่กับบาร์เซโลน่าเต็มที่แล้ว

การเจรจามันกินเวลาเพียงแค่ 4 วัน โฆเซ่ หลุยส์ นูเญซ ได้เดินทางมาถึงที่บัวโนไอเรส เพื่อเจรจากับทางโบคา จูเนียร์ และ รวมถึงอาร์เจนติโนสจูเนียร์ด้วย เพราะว่าโบคา จูเนียร์ เค้าไม่มีเงินไปจ่ายค่าตัวที่ค้างอยู่กับทางอาร์เจนติโนส จูเนียร์ มันเลยทำให้บาร์เซโลน่าต้องเข้ามาหาทางเจรจากับทั้ง 2 ทีม ก่อนที่เค้าจะจัดการจ่ายเงินให้กับทั้ง 2 สโมสร

และการเจรจาระหว่างบาร์เซโลน่ากับทั้ง 2 ทีม โบคาจูเนียร์ และ อาร์เจนติโนส จูเนียร์ มันก็ได้บทสรุป โดยที่บาร์เซโลน่าจะจ่ายเงินทั้งหมด 7.3 ล้านดอลลาร์ แบ่งเป็น 6 งวด ซึ่งการซื้อนักเตะแบบผ่อนจ่าย มันเป็นเรื่องปกติเลย ไม่ว่าเวลามันจะผ่านมานานแค่ไหน แต่การซื้อขายแบบผ่อนจ่ายมันไม่ใช่เรื่องแปลก ซึ่งการจ่ายค่าตัวของมาราโดนาก็เป็นแบบนั้นเช่นกัน 7.3 ล้านดอลลาร์ มันแบ่งเป็น 5.1 ล้านดอลลาร์ให้กับทางอาร์เจนติโนส จูเนียร์ และ 2.2 ล้านดอลลาร์ ให้กับทางโบคาจูเนียร์

ส่วนมาราโดนาเอง จะได้รับเงินเดือน 50,000 ดอลลาร์ และค่าโบนัสต่างๆที่ทำได้ตามผลงาน และรวมถึงสวัสดิการต่างๆด้วย ซึ่งรวมแล้วอีก 20,000 ดอลลาร์ แต่มาราโดนาจำเป็นต้องยอมรับเงื่อนไขสัญญาระยะยาว 6 ปี กับทางบาร์เซโลน่า

ติดตามเรื่องราวเต็มๆของ มาราโดน่าได้ที่ลิงค์นี้เลย
>> www.youtube.com/playlist?list... <<

14 - 0

แป๋งเคลียร์บอล (PangClearBall)
Posted 2 months ago

"ดิเอโก มาราโดนา" EP3 เกือบย้ายร่วมทีมเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ในปี 1978 >> https://youtu.be/up0eFslfv0I <<

ในช่วงปี 1976 ย้อนกลับไป 3 ปี มันเกิดรัฐประหารที่ประเทศอาร์เจนติน่า นายพลฆอร์เก้ ราฟาเอล วิเดล่า และ พลเรือเอก เอมิเลียโน่ เอดูอาร์โก มาซเซร่า ได้ทำการโค่นล้มอิซาเบล เปรอน ผู้หญิงคนแรกของโลกที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ก่อนที่จะขึ้นมาปกครองอาร์เจนติน่าแทน รัฐบาลเผด็จการของอาร์เจนติน่าได้ใช้โอกาสที่มาราโดน่าพาทีมอาร์เจนติน่าชุดเล็กคว้าแชมป์โลกได้ มาอ้างว่ามันเป็น 1 ในผลงานของพวกเค้า พวกเค้ามีการเตรียมการมากมายหลายอย่างโดยเฉพาะเรื่องของความสะดวกในการเดินทาง สร้างกระแสชาตินิยม รักชาติ สู้เพื่อชาติ ให้เกิดขึ้น จนมันส่งผลไปยังนักฟุตบอล ที่สู้สุดชีวิตเพื่อเอาแชมป์นี้กลับมาให้ประเทศอาร์เจนติน่าได้ ทั้งชุดใหญ่ และ ชุดเล็ก

แฟนบอลอาร์เจนติน่า ที่ไม่ใช่แฟนบอลของทีมอาร์เจนติโนส จูเนียร์ ต่างต้องการเห็นมาราโดน่าย้ายออกไปเล่นที่ต่างประเทศ ไม่ใช่เพื่อต้องการเห็นอาร์เจนติโนส จูเนียร์ อ่อนแอ ลงนะครับ แต่ต้องการให้มาราโดน่าเติบโตมาขึ้นกว่านี้ ซึ่งแน่นอนว่าทางอาร์เจนติโนส จูเนียร์ พวกเค้าไม่ยอมแน่ๆ แฟนบอลได้แต่งเพลงขึ้นมาว่า Maradona is not for sale, Maradona is going nowhere, Maradona is part of National Heritage.

ปี 1980 มาราโดน่า เกือบได้ย้ายออกไปอยู่นอกประเทศแล้ว มีหลายทีมให้ความสนใจเข้ามา แต่สุดท้ายเค้าก็ถูกบีบบังคับให้อยู่ที่ประเทศอาร์เจนติน่าต่อไป ก่อนที่ ริเวอร์เพลต กับ โบคา จูเนียร์ ต่างต้องการได้ตัวไปร่วมทีม แต่ ริเวอร์ เพลต ไม่เคยยื่นข้อเสนอที่ดีพอเข้ามาเลย และมันก็เป็นทางโบคา จูเนียร์ ที่สามารถตกลงค่าตัวและระยะเวลาของการย้ายทีมกับอาร์เจนติโนส จูเนียร์ ได้สำเร็จ และมาราโดน่าก็ได้ย้ายไปร่วมทีมโบคา จูเนียร์ ด้วยสัญญายืมตัว 1 ปี และในระหว่าง 1 ปีนี้ ทั้ง 2 ทีมจะมาพูดคุยกันอีกทีในเรื่องของการซื้อขาดแบบถาวร

แต่ก่อนที่จะเป็นโบคา จูเนียร์ เนี่ย การย้ายออกจากอาร์เจนติน่า ของมาราโดนา มันเคยเกือบเกิดขึ้นมาแล้วครั้งนึง ซึ่งมันก็เป็นในช่วงปี 1978 แฮรี่ แฮสเลม ผู้จัดการทีมของเซฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ได้เดินทางมาที่บัวโนไอเรส เพื่อมองหานักเตะเก่งๆไปช่วยทีม เพราะว่าตั้งแต่พวกเค้าตกชั้นไปในฤดูกาล 1975/76 แฮรี่ แฮสเลม ก็รู้สึกว่าสโมสรของเค้าต้องมีการเปลี่ยนแปลงใหม่

ในช่วงเวลานั้นเป็นช่วงหลังจากจบฟุตบอลโลก กระแสของมาราโดนาก็เริ่มเงียบลงไปนิดนึงเพราะว่าอาร์เจนติน่าเพิ่งจะสามารถคว้าแชมป์โลกได้ และพวกเค้าไม่มีมาราโดนาอยู่ในทีมด้วย ดังนั้นผู้คนเลยไม่ได้ให้ความสนใจใรตัวของมาราโดน่ากันมากเท่าไร แต่ก่อนที่เค้าจะเดินทางไปอาร์เจนติน่า เค้าได้ติดต่อกับ อันโตนิโอ รัตติน อดีตนักฟุตบอลของโบคา จูเนียร์ และ อาร์เจนติน่า ให้เข้ามาเป็นคนกลางช่วยดูแลเค้าหน่อยในตอนที่เค้าเดินทางไปถึง

รัตตินได้ขับรถพาแฮสเลมไปที่สนามฟุตบอลเก่าๆสนามนึง ก่อนที่เค้าจะได้เห็นมาราโดนาลงเล่น และเค้าบอกว่าเค้าไม่สามารถกระพริบตาได้เลย ค่าตัว 1 ล้าน สำหรับเด็กคนนี้ยังไงก็คุ้มค่าแน่นอน แต่รัตตินก็ได้บอกว่า การย้ายออกไปนอกประเทศของมาราโดนามันไม่ได้ง่ายเหมือนกับคนอื่นๆ มันเป็นประเด็นทางการเมืองที่มีการถกเถียงกันมาตลอดว่าการเจรจากับกองทัพนั้นมันคืออะไรกันแน่ ทุกคนที่เข้ามาพูดคุยเกี่ยวกับการย้ายทีมของมาราโดนาจะต้องถูกปิดเป็นความลับทั้งหมด

แฮรี่ แฮสเลม ได้ยื่นเงินเป็นจำนวน 900,000 ปอนด์ เพื่อขอซื้อตัวมาราโดนาไปร่วมทีม ซึ่งเป็นมูลค่าที่สูงมาก ถ้าทุกอย่างเสร็จสิ้น

เซฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ก็จะได้สุดยอดดาวรุ่งไปร่วมทีม
อาร์เจนติโนส จูเนียร์ ก็จะได้เงินก้อนใหญ่มาปรับปรุงทีม
ส่วนมาราโดนาเองก็จะได้เติบโต ได้ย้ายมาเล่นฟุตบอลที่ประเทสอังกฤษ ถึงแม้ว่าเซฟฟิลด์จะเป็นทีมระดับดิวิชั่น2 ก็ตาม

แต่เงิน 900,000 ปอนด์เนี่ย ถึงแม้ว่า จูเนียร์ เซตติมิโอ อโลอิซิโอ รองประธานสโมสรอาร์เจนติโนส จูเนียร์ มองว่าเป็นตัวเลขที่ดีพอแล้ว แต่ประธานสโมสรที่เป็นนายพล เค้าต้องการ 1.5 ล้านปอนด์ ซึ่งมันเป็นค่าตัวที่สูงมาก เพราะว่าในสมัยนั้น มันยังไม่มีใครที่ย้ายทีมกันในราคา 1 ล้านปอนด์เลยแม้แต่คนเดียว ต้องรอถึงปี 1979 หรือหลังจากนี้อีก 1 ปีครับ ที่เทรเวอร์ ฟรานซิส จะทำสถิติเป็นนักฟุตบอลค่าตัว 1 ล้านปอนด์คนแรก โดยเป็นการย้ายจากเบอร์มิ่งแฮมไปน็อตติงแฮม ฟอเรสต์

และการย้ายทีมของมาราโดนา มันก็ไม่ได้จบที่ 1.5 ล้านปอนด์ด้วยน่ะสิครับ เพราะนอกจากค่าตัวแล้ว มันยังมีค่าโบนัสส่วนแบ่งต่างๆที่ทางเอเยนต์ ฆอร์เก้ ไซเตอร์สปิลเลอร์ เรียกร้องให้กับมาราโดนาด้วย ค่าเหนื่อยก็สูง และที่สำคัญต้องจ่ายเงินให้กับรัฐบาลทหารอีกก้อนนึงที่ไม่ถูกเปิดเผยอีกว่ามันเป็นจำนวนเท่าไร

จนในที่สุด แฮรี่ แฮสเลม ก็ยอมแพ้ ก่อนที่เค้าจะหันไปคว้าตัวของ อเล็กซ์ ซาเบลลา กลับอังกฤษไปแทน ส่วนมาราโดนาก็ไม่มีปัญหากับการอยู่ที่อาร์เจนติน่าต่อ และในที่สุดเค้าก็ได้ย้ายไปร่วมทีมโบคา จูเนียร์ และช่วยให้โบคา จูเนียร์คว้าแชมป์ลีกได้ในปี 1981

ติดตามเรื่องราวเต็มๆของ มาราโดน่าได้ที่ลิงค์นี้เลย
>> www.youtube.com/playlist?list... <<

8 - 1

แป๋งเคลียร์บอล (PangClearBall)
Posted 2 months ago

"ดิเอโก มาราโดนา" EP2 ก้าวแรกของนักฟุตบอลอาชีพ >> https://youtu.be/8NctzB-JleU <<

วันที่ 20 ตุลาคม 1976 ดิเอโก้ มาราโดน่า ที่อายุยังไม่ครบ 16 ปีเต็ม ก็ได้กลายเป็นนักฟุตบอลที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ได้โอกาสประเดิมสนามในระดับสูงสุด ครอบครัวมาราโดน่าทุกคนเดินทางมาชมเกมนี้ทั้งหมด มันเป็นการแข่งขันกันระหว่าง อาร์เจนติโนส จูเนียร์ส กับ ทาลเลเรส มาราโดน่าได้เล่าถึงเหตุการณนี้ในภายหลังว่า

"มันมีผู้คนถามมามากมายว่าผมรู้สึกยังไงบ้าง ผมก็จะตอบเหมือนเดิมว่า ผมรู้มาเสมอว่าผมจะได้รับโอกาส เพราะผมเก่งกว่าคนอื่นๆในทีมเซโบลลิตัสมากๆ ผมรู้ว่าโอกาสการขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่มันจะต้องมาถึง มันเป็นสื่งที่ผมฝันเอาไว้ตั้งแต่เด็กที่ยังอยู่ในดินแดนรกร้างที่วิลล่าฟิออริโต "

มอนเตส ผู้จัดการทีมของอาร์เจนติโนส จูเนียร์ส คือคนที่ให้โอกาสมาราโดน่า โอกาสมันมาถึงในช่วงครึ่งเวลาหลัง ตอนนั้น อาร์เจนติโส จูเนียร์สโดนนำอยู่ 1-0 มอนเตสได้สั่งให้มาราโดน่าออกไปวอร์มร่างกายก่อนที่เรียกเรียกตัวมาและบอกว่า ไม่ต้องกังวล เล่นตามที่คุณเคยเล่นมาตลอดซะ จงลงไปสนุกกับมันก็พอ

แต่ชีวิตมันไม่ใช่บทละคร มาราโดน่า ลงมาก็ไม่สามารถช่วยให้ทีมพลิกกลับมาเอาชนะ หรือ แม้แต่ตีเสมอได้ แต่ว่าฟอร์มการเล่นของเค้า มันทำให้เค้ายึดหน้า 1 หนังสือพิมพ์ได้ทันที ด้วยข้อความว่า

"อัจฉริยะได้เกิดขึ้นแล้ว มันถูกเขียนว่า ความฉลาดในการเล่นบอลของมาราโดน่านั้นอยู่เหนือกว่าเพื่อนร่วมทีม"

แต่ปัญหาเดียวก็คือ เพื่อนร่วมทีมมักไม่ส่งบอลให้ เพราะเค้าคิดว่า นี่มันก็แค่เด็กคนนึง การส่งบอลของมาราโดน่าก็ส่งเสียเยอะด้วยตั้งแต่ได้ลงสนามมา แต่ถ้าเราไปดูรายละเอียดของเกมแล้ว มันเป็นเพราะว่าเพื่อนร่วมทีมยังไม่เข้าใจวิธีการเล่นของมาราโดน่าเค้าจึงไม่ได้วิ่งไปในช่องที่มาราโดน่าแทงให้ ซึ่งมันต้องใช้เวลาอีกหลายนัดกว่าทั้งทีมจะกลายเป็นหนึ่งเดียว

เกมต่อมา อาร์เจนติโนส จูเนียร์ส ได้ลงเล่นเจอกับ นีเวลล์ โอลด์ บอยส์ ในเกมนี้มาราโดน่าได้ลงเล่นเป็นตัวจริงและอยู่ในสนามครบ 90 นาทีด้วย แต่ว่าทีมของเค้าก็พ่ายแพ้อีกครั้ง รองประธานสโมสรอาร์เจนติโนส จูเนียร์ส เซตติมิโอ อโลอิซิโอ ได้บอกว่า

"มาราโดน่าคือ 1 ในผู้เล่นไม่กี่คนในสนามที่เล่นได้ดี ทุกครั้งที่เค้าได้บอล เค้าสามารถทำให้ทุกคนมีความสุขกับการเล่นของเค้า มาราโดน่าคือเด็กหนุ่มที่ไม่เคยกลัวอะไรเลย เค้ามั่นใจในตัวเองมากๆ "

การประเดิมสนามให้กับทีมชุดใหญ่และพ่ายแพ้ทั้ง 2 เกมแรกมันไม่ใช่สิ่งที่นักฟุตบอลคนไหนต้องการเลยครับ แต่ว่าใน 2 เกมนี้ ผู้จัดการทีมชาติอาร์เจนติน่า อย่าง เซซาร์ หลุยส์ เมนอตติ เค้าได้ข่าวว่ามันมีเด็กหนุ่มอายุ 15 ปีกว่าๆ น่าจะได้โอกาสประเดิมสนามในเกมนี้ เมนอตติจึงได้ตัดสินใจเดินทางมาดูเกมด้วยตาของตัวเอง ถึงแม้ว่าจะแพ้ทั้ง 2 เกม แต่เค้ารู้สึกว่าเด็กคนนี้มีอนาคตมาก และเค้าต้องการจะลองให้มาราโดน่าได้เล่นอยู่ในทีมของเค้าสักครั้งนึง ก่อนที่ในเดือนกุมภาพันธ์ 1977 มาราโดน่า ถูกเรียกตัวติดทีมชาติเป็นครั้งแรกในเกมอุ่นเครื่องกับฮังการีที่สนามบอมโบเนรา ของโบคา จูเนียร์ส

ติดตามเรื่องราวเต็มๆของ มาราโดน่าได้ที่ลิงค์นี้เลย
www.youtube.com/playlist?list...

33 - 0

แป๋งเคลียร์บอล (PangClearBall)
Posted 2 months ago

"ดิเอโก มาราโดนา" EP1 เด็กสลัมที่เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ของพระเจ้า >> https://youtu.be/gACsuFRY2MA <<

ปี 1970 มาราโดน่าในวัยเพียงแค่ 10 ขวบ ได้กลายเป็นที่สนใจของหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ทุกคนต่างพูดว่าเด็กคนนี้มีพรสวรรค์ที่พระเจ้าประทานมาให้ และเค้าได้กลายเป็นนักมายากลเมื่ออยู่ในสนามฟุตบอล พอเริ่มเป็นที่สนใจ ชีวิตครอบครัวก็เริ่มถูกขุดคุ้ย แต่มาราโดน่าไม่เคยอายเลย ว่าเค้าเด็กยากจนที่เกิดในสลัม เค้าไม่เคยอายที่เค้ามาจากพ่อแม่ คือกลุ่มคนอินเดียกับผู้อพยพชาวอิตาลีที่ยากจน เค้าอยากจะพิสูจน์ให้คนที่อยู่ในสังคมชนชั้นสูงนั้นรู้สึกผิดที่เคยเรียกเค้าว่า กาเบซิตาส เนกราส (Cabevitas Negras) ถ้าแปลตรงตัวมันก็จะหมายความว่า ไอ้คนตัวเล็กที่มีผมสีดำ แต่ความหมายของมันจริงๆ ที่มาราโดน่าถูกเรียกก็คือ ไอ้คนอินเดียที่ไม่มีแผ่นดินอยู่

พอมาถึงวันที่ 28 กันยายน ปี 1971 มาราโดน่าได้ถูกกล่าวถึงในหนังสือพิมพ์อย่างจริงจังเป็นครั้งแรก ที่ผ่านมามันเป็นแค่หัวข้อเล็กๆ แต่วันนี้ คือมาทั้งคอลัมน์เลย แต่ชื่อของเค้ามันถูกเขียนผิดเป็น ดิเอโก้ คาราโดน่า ในคอลัมน์มันเขียนว่า เด็กคนนี้ถนัดซ้าย แต่ก็สามารถใช้เท้าขวาได้ ดิเอโก้ คาราโดน่า วัยเกือบ 11 ขวบ ได้รับเสียงปรบมืออย่างมากในช่วงพักครึ่งของเกม อาร์เจนติโนส จูเนียร์ส กับ อินดิเพนเดนเต้ เค้าสามารถควบคุมลูกฟุตบอลได้อย่างน่าอัศจรรย์ เสื้อมันอาจจะดูตัวใหญ่เกินไป จนเหมือนกับว่าเค้าหนีมาจากดินแดนรกร้างสักที่นึง แต่เค้าสามารถเล่นกับลูกบอลด้วยเท้าทั้ง 2 ข้างได้อย่างง่ายดาย ราวกับว่าเค้าเป็นนักฟุตบอลตั้งแต่กำเนิด

ปี 1972 ริเวอร์เพลต ทีมแชมป์ระดับดิวิชั่น1 ได้ติดต่อมาเพื่อของดึงตัวมาราโดน่าไปร่วมทีม แต่ พ่อแม่ของมาราโดน่า และผู้อำนวยการของทีมอาร์เจนติโนส จูเนียร์ส ได้ตอบปฏิเสธไปเพราะพวกเค้าเชื่อว่ามันจะดีว่าถ้าจะเก็บมาราโดน่าให้อยู่กับทีมต่อไป

ปี 1973 ทีมเยาวชนเซโบลลิตัสสามารถคว้าแชมป์เยาวชนได้สำเร็จ และคณะกรรมการบริหารของอาร์เจนติโนส จูเนียร์ส ได้มอบสัญญาอาชีพฉบับแรกให้กับมาราโดน่า ก่อนที่ดันมาราโดน่าขึ้นไปฝึกซ้อมกับนักเตะในทีมชุดใหญ่ทันที ถึงแม้จะยังไม่ได้รับโอกาสในการลงสนามให้ทีมชุดใหญ่ เพราะว่าอายุยังน้อยเกินไป แค่ 13 ปี เท่านั้นเอง แต่มันก็ถือเป็นก้าวที่สำคัญมากๆ

ติดตามเรื่องราวเต็มๆของ มาราโดน่าได้ที่ลิงค์นี้เลย
>> www.youtube.com/playlist?list... <<

20 - 0