Welcoem to posts!!
in the future - u will be able to do some more stuff here,,,!! like pat catgirl- i mean um yeah... for now u can only see others's posts :c
📖 หนังสือ 'Power and progress #ความเจริญไม่เคยเกิดขึ้นเอง' จะสำรวจเรื่องเหล่านี้รวมทั้งหลักฐานในอดีตและปัจจุบันที่ช่วยอธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่างเทคโนโลยี ค่าแรง และความเหลื่อมล้ำ รวมถึงสิ่งที่เราทำได้เพื่อกำหนดทิศทางให้เทคโนโลยีสร้างประโยชน์ให้แก่ทุกคน
.
.
.
เกือบตลอดศตวรรษที่ 20 ผลผลิตเกือบในทุกภาคธุรกิจต่างเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกันกับค่าแรง ที่น่าสนใจคือช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จนถึงกลางยุค 1970 ค่าแรงของคนที่จบมหาวิทยาลัยในอเมริกาเพิ่มขึ้นในอัตราที่แทบไม่ต่างจากคนจบมัธยมปลายเลย
น่าเสียดายที่แนวคิดที่ว่า "กระแสความเจริญจะยกระดับชีวิตทุกคนให้ดีขึ้นพร้อมกัน” นั้นกลับไม่เกิดขึ้น แต่มันขึ้นอยู่กับลักษณะเทคโนโลยี กฎกติกา และความสัมพันธ์ระหว่างผู้บริหารกับคนทำงานต่างหาก
🚩 #ขั้นแรก: #ถ้าธุรกิจอยากเพิ่มผลผลิตก็ต้องจ้างคนเพิ่ม
🚩 #ขั้นสอง: #ถ้าธุรกิจอยากจ้างคนเพิ่มก็ต้องจ่ายค่าแรงที่สูงขึ้นเพื่อดึงดูดคน
.
.
.
ใช่แล้วครับ “ชีวิตของลูกจ้างส่วนใหญ่จะดีขึ้น ก็ต่อเมื่อนายจ้างต้องจ่ายค่าแรงสูงขึ้น” แต่สิ่งนี้อาจไม่เกิดขึ้นด้วยเหตุผล 3 ประการต่อไปนี้...
🚩 #ประการที่1: #นายจ้างมีอำนาจบังคับลูกจ้าง
ในประวัติศาสตร์ แรงงานเกษตรกรรมอาจเป็นทาสหรือถูกบังคับมา หัวหน้าจะใช้แรงงานให้ทำงานหนักขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าแรงเพิ่ม
"แม้แต่นวัตกรรมที่ปฏิบัติวงการอย่างเครื่องปั่นฝ้ายก็ไม่ได้ช่วยให้ทาสมีชีวิตที่ดีขึ้น” เทคโนโลยีก็แค่ทำให้คนเหล่านั้นถูกบังคับมากขึ้น ยากจนขึ้น และปากกัดตีนถีบมากขึ้น
.
.
🚩 #ประการที่2: #ลูกจ้างอาจไม่มีทางเลือกอื่นและนายจ้างก็ไม่จ่ายค่าแรงเพิ่มอยู่ดี
ประวัติศาสตร์คือเครื่องยืนยัน ยุโรปยุคกลางได้คิดค้นกังหันลมริเริ่มปลูกพืชหมุนเวียนและใช้ม้าเข้ามาช่วยเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร แต่ชีวิตความเป็นอยู่ของคนส่วนใหญ่กลับยังคงแร้นแค้น "รายได้ที่เพิ่มขึ้นตกอยู่กับเจ้าขุนมูลนายไม่กี่คน” แม้แต่ในช่วงที่มีการก่อสร้างโบสถ์วิหารสำคัญมากมาย
.
.
🚩 #ประการที่3: #การต่อค่าแรง
***ประการนี้น่าจะสำคัญที่สุดสำหรับโลกยุคปัจจุบัน***
บริษัทฟอร์ดบุกเบิกเทคโนโลยีการผลิตรถให้ได้ครั้งละมากๆ แต่คุณภาพดีและราคาถูกตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 บริษัททำกำไรได้มหาศาล เฮนรี ฟอร์ดผู้ก่อตั้งบริษัทจึงติดทำเนียบหนึ่งในนักธุรกิจที่ร่ำรวยที่สุดในยุคนั้น
เขาได้เริ่มจ่ายเงินพิเศษวันละ 5 ดอลลาร์เพื่อจูงใจไม่ให้พนักงานขาดงานและให้ก้มหน้าทำงานต่อไปโดยเลิกคิดเรื่องหยุดงานประท้วง
.
นายจ้างอีกหลายที่ได้เริ่มทำอย่างเดียวกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแรงงานมีฝีมือเริ่มหายากและอยู่ไม่ทน "การจูงใจพนักงานจึงกลายเป็นเรื่องสำคัญต่อความสำเร็จขององค์กร"
.
.
.
สุดท้าย แม้บริษัทจะมีการเพิ่มผลผลิตแต่ก็ไม่ได้เกิดความเจริญก้าวหน้ากับคนส่วนใหญ่เสมอไป จะเป็นเช่นนั้นได้ก็ต่อเมื่อเทคโนโลยีช่วยเพิ่มผลผลิตส่วนเพิ่ม (Marginal Productivity) ของผู้คนและมีการแบ่งปันผลกำไรระหว่างบริษัทและพนักงานอย่างสมเหตุสมผล
--
หนังสือ ความเจริญไม่เคยเกิดขึ้นเอง (Power and Progress)
ผู้เขียน: Daron Acemoglu, Simon Johnson
ผู้แปล: ชญานันท์ พูนพานิช, ธีร์ มีนสุข
ราคาปก 565 บาท
📌สั่งซื้อหนังสือได้ที่:
🛒 Shopee: shope.ee/7KXeCkFLUS
🛒 Lazada: s.lazada.co.th/s.gX0Wz
🛒 Website: bingobook.co/shop/
📚 ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ
#สำนักพิมพ์บิงโก | สำนักพิมพ์ที่นำความรู้เกี่ยวกับธุรกิจและพัฒนาตัวเองจากต่างประเทศส่งตรงถึงมือคุณ
1 - 0
หนังสือ ความเจริญไม่เคยเกิดขึ้นเอง (Power and Progress)
ผู้เขียน: Daron Acemoglu, Simon Johnson
ผู้แปล: ชญานันท์ พูนพานิช
จำนวนหน้า: 504 หน้า
ราคาปก: 565 บาท
.
.
.
📌สั่งซื้อหนังสือได้ที่:
🛒 Shopee: shope.ee/7KXeCkFLUS
🛒 Lazada: s.lazada.co.th/s.gX0Wz
🛒 Website: bingobook.co/shop/
📚 ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ
#สำนักพิมพ์บิงโก | สำนักพิมพ์ที่นำความรู้เกี่ยวกับธุรกิจและพัฒนาตัวเองจากต่างประเทศส่งตรงถึงมือคุณ
1 - 0
Power and Progress คือหนังสือที่ตีแผ่ให้เห็นว่า ความเจริญไม่เคยเกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ ความเจริญในปัจจุบันนี้ยังคงกระจายอยู่แค่ในกลุ่มนักธุรกิจและนักลงทุน ขณะที่คนส่วนใหญ่ยังคงอับจนไร้หนทาง
ภาพความเจริญจะเกิดขึ้นได้จริงก็ต่อเมื่อสังคมมีความเท่าเทียมกันมากขึ้น ซึ่งจะเกิดได้อย่างที่เคยเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 19 ถ้ามีคนที่กล้าลุกขึ้นโต้แย้งและมีองค์กรที่ยืนหยัดต่อสู้กับอำนาจเก่า เพื่อขัดขวางไม่ให้เทคโนโลยีถูกควบคุมโดยกลุ่มคนชั้นสูงผู้มีอำนาจเพียงไม่กี่คน
.
.
.
[ #โปรยปกหลัง ]
คนกลุ่มหนึ่งชอบบอกว่า... ตอนนี้เรากำลังเดินหน้าสู่สังคมที่ดีขึ้นและมีชีวิตที่แสนสะดวกสบาย
เราได้เห็นสิ่งใหม่ๆ เช่น สมาร์ทโฟน รถ EV โซเชียลมีเดีย Al ฯลฯ
แต่ลองถามใจกันอีกทีสิว่า...
"คุณได้กลิ่นความเจริญนั้นจริงหรือ?"
Daron Acemoglu และ Simon Johnson สองศาสตราจารย์จากสถาบันระดับโลกอย่าง MIT ได้วิเคราะห์ที่มาของ "ความเจริญ" ตลอดประวัติศาสตร์มนุษย์ 1,000 ปี คำตอบที่ค้นพบก็คือ ชีวิตเรามิอาจเจริญขึ้นได้ ถ้าอำนาจการตัดสินใจยังอยู่กับคนแค่หยิบมือ
ไม่ว่าจะกี่ยุคสมัย เทคโนโลยีบันดาลให้ชีวิตคนดีขึ้นได้ก็จริง แต่มันก็ทิ้งบาดแผลไว้เป็นความยากจน มลพิษ และความเหลื่อมล้ำ เราทุกคนต่างหากที่ต้องสร้างความเจริญนั้นขึ้นมาเอง ไม่ปล่อยให้ผู้มีอำนาจกำหนดทิศทางตามอำเภอใจ
ร่วมค้นหาที่มาของความเจริญผ่านเหตุการณ์สำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ เช่น
◆ #เทคโนโลยีการเกษตร แหล่งเพาะปลูกความทุกข์แห่งโลกยุคหิน
◆ #กำเนิดชนชั้นกลาง ผลพวงจากยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม
◆ #ยุคเฟื่องฟูและเจริญถึงขีดสุด สังคมในความฝันหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
◆ #อนาคตของAI กับคำถามใหญ่ที่ว่า "มันจะช่วยเราทำงานหรือทำงานแทนเรา?"
.
ถ้าคุณหลงใหลประวัติศาสตร์และสนใจเทคโนโลยี
Power and Progress คือหนังสือที่ตอบโจทย์ที่สุดและอ่านสนุกจนคุณวางไม่ลง
.
.
.
[ #สารบัญ ]
▕ บทนำ ความเจริญคืออะไร?
▕ บทที่ 1 เทคโนโลยีนี้ใครคุม
▕ บทที่ 2 วิสัยทัศน์เรื่องคลอง
▕ บทที่ 3 พลังโน้มน้าวใจ
▕ บทที่ 4 เพาะปลูกความทุกข์
▕ บทที่ 5 การปฏิวัติของชนชั้นกลาง
▕ บทที่ 6 ค่าเสียหายจากความเจริญ
▕ บทที่ 7 เส้นทางแห่งขวากหนาม
▕ บทที่ 8 ความเสียหายจากดิจิทัล
▕ บทที่ 9 ยากจนประดิษฐ์
▕ บทที่ 10 ประชาธิปไตยขอพัก
▕ บทที่ 11 เปลี่ยนเส้นทางเทคโนโลยี
--
ผู้เขียน: Daron Acemoglu, Simon Johnson
ผู้แปล: ชญานันท์ พูนพานิช
จำนวนหน้า: 504 หน้า
.
.
.
📌สั่งซื้อหนังสือ:
🛒 Shopee: shope.ee/7KXeCkFLUS
🛒 Lazada: s.lazada.co.th/s.gX0Wz
🛒 Website: bingobook.co/shop/
📚 ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ
.
#สำนักพิมพ์บิงโก | สำนักพิมพ์ที่นำความรู้เกี่ยวกับธุรกิจและพัฒนาตัวเองจากต่างประเทศส่งตรงถึงมือคุณ
1 - 0
การปฏิวัติอุตสาหกรรม (อังกฤษ: Industrial Revolution) หรือช่วงเวลาตั้งแต่ ค.ศ. 1750 ถึง ค.ศ. 1850 เมื่อการเปลี่ยนแปลงในภาคเกษตรกรรม การผลิต การทำเหมืองแร่ การคมนาคมขนส่ง และเทคโนโลยี
การปฏิวัติเริ่มต้นในสหราชอาณาจักร จากนั้นจึงแพร่ขยายไปยังยุโรปตะวันตก, อเมริกาเหนือ, ญี่ปุ่น จนขยายไปทั่วทั้งโลกในเวลาต่อมา
การปฏิวัติอุตสาหกรรมเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์โลก ซึ่งส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งในเกือบทุกแง่มุมของชีวิตประจำวันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เช่น สภาพสังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมในขณะนั้น และที่กระทบมาจนถึงปัจจุบันหนึ่งในนั้นคือเรื่องของ “มลพิษ”
โรงงานปั่นฝ้ายแห่งแรกถูกสร้างขึ้นที่เมืองแมนเชสเตอร์ในยุค 1780 นับจากนั้นพอถึงปี 1825 ก็มีโรงงานผุดขึ้นอีกถึง 104 แห่งและมีเครื่องจักรไอน้ำติดตั้งอยู่ในแมนเชสเตอร์ถึง 110 แห่งด้วย
ในยุคนั้น เครื่องจักรไอน้ำขนาด 100 แรงม้าให้พลังงานเท่ากับผู้ชาย 880 คนช่วยให้เกิดการหมุนได้เร็วถึง 50,000 รอบในการปั่นฝ้ายแบบละเอียด แต่ละเครื่องปั่นได้อยู่ในอาคารโรงงานขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นเพื่อให้รองรับเครื่องจักรได้เต็มทุกพื้นที่
และยังต้องใช้คนงานถึง 750 คนต่อการปฎิบัติงานในโรงงานเหล่านั้น เครื่องจักรไอน้ำจะช่วยให้พวกเขาปั่นฝ้ายได้เทียบเท่ากับคนที่ปั่นด้วยมือ 200,000 คน หรือหนึ่งคนต่อหนึ่งเครื่องสามารถทำได้มากเท่ากับ 266 คนที่ไม่ได้ใช้เครื่องเลยทีเดียว
"มลพิษที่เกิดขึ้นในระยะแรกของอุตสาหกรรมอยู่เหนือการควบคุมไปมาก คนล้มตายจำนวนมาก คุณภาพชีวิตของคนส่วนใหญ่ก็ย่ำแย่ลงเกินจะนึกภาพ"
คนชั้นแรงงานในยุคนั้น ไม่มีแม้แต่น้ำล้างเนื้อล้างตัวเพราะแค่จะมีท่อน้ำก็ต้องจ่ายเงิน ส่วนน้ำในแม่น้ำก็สกปรกเกินกว่าจะใช้ได้ พวกเขายังต้องจัดการขยะและสิ่งปฏิกูลทั้งหมด ทั้งน้ำเสียและอุจจาระที่น่าขยะแขยง โดยปล่อยทิ้งไปตามถนนอย่างปราศจากวิธีอื่นที่จะใช้กำจัดสิ่งเหล่านี้ได้ พวกเขาจึงเหมือนถูกบังคับให้เป็นตัวแพร่เชื้อในบ้านของตัวเอง
.
.
.
ตลอดประวัติศาสตร์ของมนุษย์ “คนจนก็ถูกปฏิบัติอย่างน่ารังเกียจจากสังคมทุกวันนี้ พวกเขาถูกล่อให้เข้าไปอยู่ในเมืองใหญ่ที่ต้องหายใจเอาอากาศที่เลวร้ายกว่าในชนบท พวกเขาถูกขับใสไล่ส่งให้ไปอยู่ในเขตที่ถูกก่อสร้างให้ระบายอากาศเลวร้ายกว่าที่อื่น”
.
และไม่ว่าจะกี่ยุค กี่สมัย เทคโนโลยีบันดาลให้ชีวิตคนดีขึ้นก็จริง แต่มันก็ทิ้งบาดแผลไว้เป็นความยากจน มลพิษ และความเหลื่อมล้ำอยู่วันยังค่ำ ดังนั้นเราทุกคนจึงต้องสร้างความเจริญขึ้นมาเอง และไม่ปล่อยให้ผู้มีอำนาจกำหนดทิศทางตามอำเภอใจ
--
หนังสือ ความเจริญไม่เคยเกิดขึ้นเอง Power and Progress
ผู้เขียน: Daron Acemoglu, Simon Johnson
ผู้แปล: ชญานันท์ พูนพานิช, ธีร์ มีนสุข
ราคาปก 565 บาท
.
.
📌สั่งซื้อหนังสือได้ที่:
🛒 Shopee: shope.ee/7KXeCkFLUS
🛒 Lazada: s.lazada.co.th/s.gX0Wz
🛒 Website: bingobook.co/shop/
📚 ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ
#สำนักพิมพ์บิงโก | สำนักพิมพ์ที่นำความรู้เกี่ยวกับธุรกิจและพัฒนาตัวเองจากต่างประเทศส่งตรงถึงมือคุณ
1 - 0
📝 #คำนิยมโดย Brain Tracy
เจ้าของผลงาน Eat That Frog
--
หนังสือ สะสมนิสัยเล็กๆ สร้างความสำเร็จให้ทวีคูณ (New Edition)
ผู้เขียน: Darren Hardy
ผู้แปล: ปฏิภาณ กุลวพันธ์
จำนวน 214 หน้า
ราคาปก 250 บาท
.
.
.
📌สั่งซื้อหนังสือได้ที่:
🛒 Shopee: shope.ee/7KXeCkFLUS
📚 วางแผงที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศเร็วๆ นี้!
#สำนักพิมพ์บิงโก | สำนักพิมพ์ที่นำความรู้เกี่ยวกับธุรกิจและพัฒนาตัวเองจากต่างประเทศส่งตรงถึงมือคุณ
#TheCompoundEffect
#หนังสือพัฒนาตัวเอง
2 - 0
📗✨ เล่มนี้จะบอกหลักการใช้ "ผลลัพธ์ทวี (Compound Effect)" ที่ช่วยให้คุณได้รางวัลก้อนโตจากการทำ "สิ่งเล็กๆ" อย่างฉลาดสู่ผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ แล้วคุณจะรู้สึกว่าแทบไม่ได้ลงมือทำอะไรมากมายเลย
--
หนังสือ สะสมนิสัยเล็กๆ สร้างความสำเร็จให้ทวีคูณ (New Edition)
ผู้เขียน: Darren Hardy
ผู้แปล: ปฏิภาณ กุลวพันธ์
จำนวน 214 หน้า
ราคาปก 250 บาท
.
.
.
📌สั่งซื้อหนังสือได้ที่:
🛒 Shopee: shope.ee/7KXeCkFLUS
📚 วางแผงที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศเร็วๆ นี้!
#สำนักพิมพ์บิงโก | สำนักพิมพ์ที่นำความรู้เกี่ยวกับธุรกิจและพัฒนาตัวเองจากต่างประเทศส่งตรงถึงมือคุณ
#TheCompoundEffect #หนังสือพัฒนาตัวเอง #หนังสือฮาวทู
3 - 0
"คุณกำจัดความทุกข์ของตัวเองได้ไหม?"
"เวลามีความทุกข์ คุณใช้วิธีไหนในการข้ามผ่านมัน?
"หรือทนเก็บความทุกข์ไว้กับตัวตลอดเวลา?"
หนักอก ทุกข์ใจ อย่าเก็บไว้นาน!
❌ หัวใจของคุณไม่ใช่พื้นที่สำหรับเก็บขยะที่พร้อมส่งกลิ่นเน่าเหม็นตลอดเวลา
✅ ถ้าเปลี่ยนใจให้เป็นเตาเผาที่สามารถกำจัดขยะพวกนั้นแทน ชีวิตคงดีขึ้นกว่านี้เป็นร้อยเท่า
แน่นอนว่า "ไม่ใช่ทุกปัญหาชีวิตที่เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะหายไปได้รวดเร็วเหมือนการเผากระดาษ"
ปัญหาจะยังอยู่แน่นอน ความทุกข์ก็เช่นกัน แต่มันสามารถคลี่คลายได้ไปเรื่อยๆ จนหาทางออกดีๆ ได้ในที่สุด
.
.
☀️☀️☀️ "ยกหิน 10 ตันออกจากอก ด้วยคำพูดเปลี่ยนชีวิต" หนังสือเล่มนี้จะเหมือนแผนที่นำทางของคุณ ให้คุณโยนความทุกข์ทิ้งไปด้วยการบอกให้คุณ "มองไปข้างหน้าในระยะที่มือของคุณเอื้อมถึง" ไม่ใช่การกดดันคุณให้รีบกระโดดออกจากความทุกข์ซึ่งทำได้ยาก
เล่มนี้จะค่อยๆ ปรับสภาพจิตใจของคุณ บอกวิธีรับมือกับความทุกข์แต่ละแบบ และสอนการใช้พลังของคำพูดเพื่อเปลี่ยนทุกข์ให้เป็นสุข พร้อมดึงคุณออกสู่โลกที่สดใสกว่าเดิม!
แต่ถ้าคุณบอกว่า "พูดไปก็หาคนรับฟังไม่ได้หรอก"
เราขอให้คุณรีบเปลี่ยนความคิด นั่นเพราะ..
"ไม่ว่าจะมีคนรับฟังคำพูดเหล่านั้นของคุณหรือไม่
คำพูดจะดังอยู่ในใจ และส่งผลต่ออารมณ์ของคุณไม่น้อย😊"
.
.
.
[#โปรยปกหลัง]
"ทำไมฉันถึงไม่มีความสุขเหมือนคนอื่น"
"ฉันอยากคิดบวกให้ได้แบบเธอบ้างจัง"
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังตามหาความสุข
หนังสือเล่มนี้จะเป็นแผนที่นำทางให้คุณเอง
คุณหมอคาบาซาวะ ชิอน คือจิตแพทย์ชื่อดังชาวญี่ปุ่น ซึ่งมีผู้ติดตามมากกว่า 1 ล้านคน ตลอดชีวิตของเขา มีคนมาปรึกษาปัญหามากกว่า 4,000 เรื่อง จนเขาตกผลึกได้ว่า "ทุกคนมีความทุกข์คล้ายกัน แต่ไม่ใช่ทุกคนจะคลี่คลายมันได้เอง"
ในคู่มือความสุขเล่มนี้ คุณหมอคาบาซาวะจะชวนคุณมานั่งจับเข่าคุยเรื่องความทุกข์ ตีแผ่มัน ปรับสภาพจิตใจ แล้วเตรียมหาวิธีรับมือ พร้อมกับสอนวิธีใช้พลังของคำพูด เพื่อเปลี่ยนทุกข์ให้เป็นสุขและดึงคุณออกสู่โลกที่สดใสกว่าเดิม
พบหลากเคล็ดลับขจัดทุกข์และสร้างความสุข เช่น
☀️ เมื่อทุกข์ จงเล่า แล้วมันจะบรรเทาลงทันที
☀️ "ช่างมันเถอะ" คำพูดเสริมพลังให้ก้าวข้ามปัญหาได้ง่ายขึ้น
☀️ มีความสุขกับปัจจุบัน แล้วคุณจะกังวลต่ออนาคตและอดีตลดลง
☀️ จงทำสิ่งที่ทำได้ก่อน แล้วคุณจะรักและยอมรับตัวเองมากกว่าที่เคย
จงปลดความทุกข์ที่แสนรุงรังทิ้งไป
แล้วคุณจะพบชีวิตที่ยิ้มกว้างกว่าที่เคย
--
ผู้เขียน: คาบาซาวะ ชิอน
ผู้แปล: พรพิทักษ์ นิ่มอนงค์
จำนวน 303 หน้า
ราคาปก 295 บาท
.
.
.
📌สั่งซื้อหนังสือ:
🛒 Shopee: shope.ee/7KXeCkFLUS
🛒 Lazada: s.lazada.co.th/s.gX0Wz
🛒 Website: bingobook.co/shop/
📚 ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ
#สำนักพิมพ์บิงโก
1 - 0
เวลามีความทุกข์ คุณก้าวข้ามผ่านมันไปอย่างไร?
1 - 0
ก่อนอื่นมาดูกันว่า ทำไมในหัวของคนที่กำลังทุกข์จึงยุ่งเหยิงและคิดวกไปเวียนมาอยู่แบบนั้น?
เวลาที่เราคิดเรื่องเดิมตั้งแต่เช้า สาย บ่าย เย็น วนๆ อยู่แบบนั้น แต่แล้วสุดท้ายก็หาทางออกไม่ได้ เป็นเพราะว่า "พื้นที่ในสมองเราไม่ได้เยอะขนาดนั้น"
"สมองเรารับข้อมูลมาจัดการได้แค่ประมาณ 3 เรื่องเท่านั้น" ลองนึกภาพตามกันครับว่า
สมองเรามี 3 ถาด 📥📥📥
ถ้าจัดการไปได้แล้ว 1 ถาด 📥📥
สมองก็จะมีที่ว่างเพิ่ม 📥📥📥
เมื่อเราเป็นทุกข์มากๆ คิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปเรื่อย "สมองก็จะล้า จากที่เคยมี 3 ถาด ก็ลดลงเป็น 2 ถาด แล้วก็ 1 ถาด" จึงทำให้ไม่ว่าจะคิดอะไรเราก็จะคิดไม่ออกนั่นเอง
💡💡💡วิธีแก้ก็คือ
"ให้เราเปลี่ยนความกังวลใจที่อยู่ในหัวเป็นคำพูดออกมาให้ได้"
โดยการเขียนลงไปในกระดาษว่าเรามีความทุกข์เรื่องอะไรบ้าง >> แล้ววิธีแก้ไขที่ทำได้ในตอนนี้คืออะไร?
แล้วลองค่อยๆ วิเคราะห์และจัดการไปทีละอย่าง ถ้าทำแบบนี้ได้เท่านี้ก็เหมือนคลายทุกข์ไปได้ 90% แล้ว!!
--
หนังสือ ยกหิน 10 ตันออกจากด้วยคำพูดเปลี่ยนชีวิต
ผู้เขียน: คาบาซาวะ ชิอน
ผู้แปล: พรพิทักษ์ นิ่มอนงค์
จำนวน 303 หน้า
ราคาปก 295 บาท
.
.
.
📌สั่งซื้อหนังสือได้ที่:
🛒 Shopee: shope.ee/7KXeCkFLUS
🛒 Lazada: s.lazada.co.th/s.gX0Wz
🛒 Website: bingobook.co/shop/
📚 ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ
#สำนักพิมพ์บิงโก | สำนักพิมพ์ที่นำความรู้เกี่ยวกับธุรกิจและพัฒนาตัวเองจากต่างประเทศส่งตรงถึงมือคุณ
1 - 0