วันที่ 25 กันยายน 2567 เวลา 20.30น. ขณะที่ ร.ต.อ.สุขสันต์ กันยาสนธิ์ รองสารวัตรจราจร สน.ทุ่งมหาเมฆ กำลังอำนวยการจราจรอยู่บริเวณแยกเซ็นต์โย ถนนสาทรเหนือ ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุว่า ให้สกัดจับรถยนต์โตโยต้ายารีส สีขาว ซึ่งก่อเหตุเฉี่ยวชนรถยนต์หลายคันแล้วหลบหนี เหตุเกิดตั้งแต่บริเวณหน้าอาคารโครนอสสาทร ถนนสาทรเหนือ ไปจนถึงแยกวิทยุ จึงนำกำลังไปตรวจสอบพร้อม

จากการติดตามก่อนถึงแยกวิทยุ ประมาณ 20 เมตร พบรถยนต์คันที่ก่อเหตุอยู่ในสภาพพุ่งเสยอยู่บนฟุตบาท มีรอยเฉี่ยวชนรอบคัน และด้านขวายังเบียดกับรถแท็กซี่ได้รับความเสียหาย

ส่วนคนขับรถคันก่อเหตุ เป็นหญิงสาวลักษณะคล้ายทอม สวมเสื้อยืดลายทางขาวแดง นุ่งกางเกงยีนส์ขาสามส่วน มีอาการคลุ้มคลั่ง วิ่งใช้อาวุธปืน ข่มขู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ 3 คน ที่โดยสารนั่งอยู่บนรถตุ๊กตุ๊กสามล้อ ทำให้โชเฟอร์และนักท่องเที่ยวพากันหนีตายจ้าละหวั่น ประชาชนที่อยู่บริเวณดังกล่าว ตกใจแตกตื่นกันทั้งถนน โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต

จากนั้น ร.ต.อ.สุขสันต์ พร้อมตำรวจจราจร 3 นาย ได้ช่วยกันจับกุมตัวหญิงสาวคล้ายทอมได้ แต่ถูกผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนตบเข้าที่แก้มด้านซ้ายของ ส.ต.ท.สถาพร พันธุ์งาม ผู้บังคับหมู่งานจราจร สน.ทุ่งมหาเมฆ ได้รับบาดเจ็บ จากการตรวจค้นรถยนต์ บริเวณใต้เบาะคนขับพบอาวุธมีดปลายแหลม 1 เล่ม และเอกสารโอนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวนผู้ก่อเหตุ ให้การว่า มีอาชีพขับรถบริการโบลด์ ออกจากบ้านพัก ย่านถนนราชพฤกษ์ ฝั่งธนบุรี และกำลังจะไปรับเพื่อนที่หัวลำโพง เมื่อมาถึงบริเวณหน้าอาคารโครนอส พบรถเก๋งฮอนด้าซิตี้ สีดำ ขับมาจากแยกวิทยุ แล้วมากลับรถหน้าอาคารโครนอส ตนเองขับมาหักหลบไม่ทัน จึงได้เฉี่ยวชนท้ายรถด้านซ้าย

จากนั้นเกิดอาการสติแตก รู้สึกเหมือนว่า ถูกกดดัน จึงขับรถไล่ชนรถคันอื่นไปทั่ว กระทั่งรถเสยปีนฟุตบาท ขับต่อไปไม่ได้ และยังรู้สึกเหมือนมีคนจ้องทำร้าย จึงถืออาวุธปืนวิ่งออกไปข่มขู่คนที่นั่งในรถตุ๊กตุ๊กสามล้อ แต่ปืนไม่มีลูก เพราะเพิ่งซื้อมาได้ไม่กี่วันในราคา 2 หมื่น 5 พันบาท โดยเจ้าของปืนโอนลอยมา ยังไม่ได้ใส่ชื่อตนเองเป็นผู้ครอบครอง

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจปัสสาวะของผู้ก่อเหตุเพื่อหาสารเสพติดและเป่าแอลกอฮอล์ เบื้องต้นไม่พบทั้งสารเสพติดและแอลกอฮอล์

อีกทั้งได้สอบถามถามญาติผู้ก่อเหตุ ให้การว่า ผู้ก่อเหตุกินยาระงับประสาทก่อนออกจากบ้าน และมีประวัติการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา ส่วนรถยนต์ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าว ขณะนี้มีทั้งหมด 8 คัน

เบื้องต้นพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีผู้ก่อเหตุในข้อหา “มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน โดยไม่ได้รับอนุญาต และขับรถประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินเสียหาย” ส่วนข้อหาอื่นต้องรอสอบสวนผู้เสียหายว่าเข้าข่ายข้อหาใดเพิ่มอีกบ้าง

ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรที่ได้รับบาดเจ็บนำส่งตัวไปรักษาบาดแผลที่โรงพยาบาลตำรวจ ว่า เกิดจากอาวุธปืนหรือไม่ อาจต้องแจ้งข้อหาต่อสู้ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ส่วนโชเฟอร์รถแท็กซี่ที่ได้รับบาดเจ็บ ก็ได้ส่งตัวไปรักษาบาดแผลเช่นกัน ก่อนเตรียมแจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อไป